พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เปิดเผยว่า ตามประกาศของกรุงเทพมหานครฉบับที่ 49 เรื่องการปรับพื้นที่ และมาตรการรับมือโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนนั้น สถานประกอบการที่จำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มจะสามารถจำหน่ายสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ไม่เกินเวลา 21.00 น. จึงขอเน้นย้ำให้ผู้ประกอบการ และประชาชน ปฏิบัติตามคำสั่งของประกาศ เพื่อความปลอดภัยของประชาชนในภาพรวมต่อไป
ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าว ทางตำรวจเป็นเพียงหน่วยงานที่ปฏิบัติร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ โดยข้อกำหนดที่ประกาศออกมาในราชกิจจานุเบกษา และมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 ม.ค. หลังจากที่ประกาศออกมาแล้ว ในแต่ละจังหวัดจะมีผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ออกประกาศที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สอดคล้องกับมติของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) และของรัฐบาล โดยจะเน้นเป็นการปรับพื้นที่ควบคุม 69 จังหวัด ส่วนพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวยังคงไว้ที่ 8 จังหวัด และปรับเวลาการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ 21.00 น.
พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า การจะจำหน่ายและบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จะต้องเป็นร้านที่มีสัญลักษณ์ SHA+ ซึ่งจะต้องมีการขออนุญาตจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งหน้าร้านจะมีสติ๊กเกอร์สัญลักษณ์ติดอยู่ ส่วนร้านอาหารประเภท ผับ บาร์ คาราโอเกะ หรือที่มีลักษณะคล้ายกัน สามารถขอใบอนุญาตได้ที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ยกตัวอย่าง กรุงเทพมหานคร ที่มีคำสั่งออกมาและมีผลบังคับใช้ วันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมานั้น โดยให้ร้านที่เป็นผับ บาร์ คาราโอเกะ ที่ประสงค์จะปรับพื้นที่บางส่วนให้เป็นร้านอาหาร สามารถทำเรื่องขอใบอนุญาตได้ก่อนวันที่ 15 ม.ค.นี้ เพื่อเปิดบริการในวันที่ 16 ม.ค.
รองโฆษก ตร. กล่าวว่า ตำรวจจะตรวจสอบร้านอาหารในแต่ละพื้นที่ เพื่อจับกุมร้านอาหารที่ฝ่าฝืน หรือไม่มีใบอนุญาตตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ ซึ่งจะมีโทษทั้งจำทั้งปรับ โดยในส่วนของผู้ประกอบการในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่ทำผิดกฎหมาย จะมีโทษจำคุก 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท ส่วนผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรการรักษาระยะห่าง จะมีโทษตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน คือ จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท โดยหากพบความผิดที่ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด หรือคำสั่งจังหวัด ทั้งผู้ประกอบการและผู้ใช้บริการก็จะถูกดำเนินคดีทั้งสองฝ่าย