นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีที่มีประชาชนปลูกกัญชาภายในบ้านและถูกจับดำเนินคดี ว่า เรื่องนี้อยู่ที่การตีความกฎหมาย แต่ถ้าหากมองในแง่เจตนารมย์ของกฎหมาย คือการปลดล็อคกัญชา โดยไม่ได้อยู่ในพืชยาเสพติดแล้ว และนำส่วนที่เป็นประโยชน์ของกัญชามาใช้ แต่ส่วนไหนที่ยังเป็นโทษ ก็ยังเป็นโทษอยู่ จึงต้องจำกัดสารที่พบในกัญชา หรือ THC ไม่เกิน 0.2% แต่ถ้าหากมองไปถึงเรื่องบทเฉพาะกาล ที่แม้จะมีการประกาศออกมาเป็นกฎหมายใหม่ แต่ก็ยังไม่มีการประกาศของกระทรวงสาธารณสุขออกมา ก็ให้ใช้ของเก่าไปก่อน เรื่องนี้คงต้องดูที่เจตนารมย์ของการนำไปใช้ ว่านำไปสู่เรื่องที่ทำให้เกิดความเสียหาย ผิดกฎหมาย หรือก่อให้เกิดโทษหรือไม่
"แต่ถ้าหากคนที่เริ่มปลูกกัญชาแล้ว และนำไปใช้ทางการแพทย์ และอยู่ในกรอบของกฎหมายฉบับใหม่ ถ้าเป็นแบบนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับการตีความ เราจะไปหวงอำนาจไว้ทำไม เพราะในที่สุดกฎหมายกัญชาในปัจจุบัน ก็เขียนชัดเจนอยู่แล้ว ว่าไม่ได้เป็นยาเสพติด" นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวว่า หากเจตนารมย์ของกฎหมาย ไม่สนับสนุนให้เกิดการกัญชาทางการแพทย์แบบเสรี ก็ต้องกำหนดไว้ให้ชัดเจน เช่น พืชฝิ่น และกัญชา แต่ในกฎหมายไม่ได้ระบุในส่วนของกัญชาไว้ ดังนั้น ขออย่านำความรู้ความสามารถทางกฏหมาย มาขัดขวางการทำมาหากินของประชาชน ซึ่งประชาชนโดยทั่วไป มีความพึงพอใจและยินดีที่จะใช้พืชกัญชามาเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการดำรงชีวิต และเสริมสร้างรายได้ ซึ่งการเป็นเจ้าหน้าที่รัฐต้องดีใจที่ประชาชนจะได้มีหนทางทำมาหากินเพิ่มขึ้น และหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐคือต้องทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี
ส่วนกรณีที่นายศุภชัยใจ สมุทรใจ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ออกมาระบุว่า พรรคภูมิใจไทยพร้อมเป็นทนายความต่อสู้ให้กับประชาชนที่ถูกจับนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า นายศุภชัย เป็น ส.ส. ของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งพรรคได้รณรงค์เรื่องกัญชาเสรี ถือเป็นการทำหน้าที่อย่างถูกต้องแล้ว
"เรื่องนี้ถือเป็นนโยบายที่ต้องทำตาม เพื่อปากท้องของประชาชน และเมื่อทำตามที่พูด จะมาขวางทำไม เพราะเรื่องนี้ไม่ได้ผิดกฎหมาย และกฎหมายใหญ่บอกว่า ไม่มีกัญชาเป็นยาเสพติดอีกต่อไป ก็ต้องยึดกฎหมายใหญ่เป็นหลัก" นายอนุทิน กล่าว