นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.ชุดใหญ่ ในที่ 20 ม.ค.นี้ว่า กระทรวงสาธารณสุข จะเสนอเรื่องการปรับพื้นที่สี เพื่อให้เกิดความผ่อนคลายในเรื่องของการใช้ชีวิตมากขึ้น นอกจากนั้น กำลังพิจารณาเพื่อเพิ่มจังหวัดแซนด์บ็อก จากเดิมที่เพิ่มไปแล้ว 3 จังหวัด โดยจะเพิ่มให้ครบทุกภูมิภาค เช่น ชลบุรี สมุทรปราการ ขอนแก่น และเชียงใหม่ เป็นต้น ส่วน กทม. อยู่ในส่วนการปกครองของกรุงเทพมหานคร ทางกระทรวงสาธารณสุข จะไม่เข้าไปก้าวก่ายการปฏิบัติงาน
รวมไปถึงการขอความเห็นกรณีเมื่อสถานการณ์คลี่ลคาย จะมีการเปิดลงทะเบียน Test&Go อีกครั้งในเดือนก.พ. แต่ในประเด็นนี้ ต้องประเมินสถานการณ์ทั้งในไทย และต่างประเทศด้วย โดยดูสถานการณ์ของประเทศต้นทาง เพราะประเทศไทยก็ไม่อยากเข้าไปเสี่ยง
"ขอย้ำว่า จากการประเมินเฉพาะในประเทศไทย จาก 18 วันที่ผ่านมานับตั้งแต่ปีใหม่ เราดูเรื่องของยอดการติด ป่วยหนัก และยอดการสูญเสีย ที่อยู่ในระดับ 1 ต่อ 1,000 ผู้ติดเชื้อ ตามหลักวิชาการเราอยู่ในจุดที่รับมือได้ สถานการ์ระบาดได้ชะลอตัวมาร่วม 2 อาทิตย์แล้ว นี่เป็นสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้กระทรวงฯ ต้องกลับมาหารือเรื่องคลายล็อก" นายอนุทินระบุ
สำหรับประเด็นเรื่องการเปิดสถานบันเทิง ผับ บาร์นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า จะยังไม่มีการพิจารณาในรอบการประชุมนี้ เพราะยังเป็นจุดที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อ การผ่อนคลายจะต้องพิจารณาถึงความสามารถในการควบคุม เพราะถ้าเปิดแล้วควบคุมได้ ก็พร้อมคลายล็อก แต่ถ้าเปิดแล้วควบคุมยากถึงควบคุมไม่ได้ ก็ต้องพิจารณากันให้ละเอียด
สำหรับเรื่องวัคซีน ปีนี้ประเทศไทยยืนยันการจัดหาที่ 120 ล้านโดสแล้ว เพียงพอต่อความต้องการ เนื่องจากปัจจุบันให้ความสำคัญกับเข็มบูสเตอร์ ซึ่งระหว่างนี้ก็สามารถจัดหาวัคซีนเข้ามาเพิ่มได้อีก
"ขอย้ำว่าวัคซีนสามารถป้องกันการป่วยหนัก และเสียชีวิต ที่สถานการณ์ไทยมีความสูญเสียต่ำ ก็เนื่องจากได้เรื่องของประสิทธิภาพของวัคซีนเข้ามาช่วย ขอให้คนไทยเข้ามารับวัคซีน เราไม่ต้องการเห็นความสูญเสีย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียใจ ประเทศไทย พยายามฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมประชากรมากที่สุด เราฉีดให้เด็กตั้งแต่อายุ 12 ปีขึ้นไป ในอนาคตอันใกล้ เราจะเริ่มฉีดให้เด็กอายุ 5 ขวบด้วย" นายอนุทินกล่าว
สำหรับเรื่องชุดตรวจ ATK ปัจจุบันมีความต้องการอยู่มาก ต้องขอบคุณความตื่นตัวของประชาชน ทั้งนี้ได้มอบนโยบายให้องค์การเภสัชกรรม (อภ.) จัดหาชุดตรวจ ATK มาให้ประชาชน ห้ามจำหน่ายเกินทุน ต้องไม่หวังกำไร แต่ต้องปฏิบัติหน้าที่เพื่อความปลอดภัยของประชาชน และช่วยลดค่าใช้จ่ายให้คนไทย สถานการณ์ปัจจุบันนี้มียอดติดเชื้อเพิ่มขึ้นทุกวัน ดังนั้นทุกฝ่ายยังประมาทไม่ได้