น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้รับเรื่องร้องเรียนจากหลากหลายช่องทางถึงปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงประชาชน ระบาดอย่างมากในช่วงเวลานี้ โดยนายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยประชาชน จึงกำชับให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) บูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะขึ้นแก่ประชาชน โดยเฉพาะการสูญเสียทรัพย์สินจากการถูกหลอกลวง
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด หากพบผู้กระทำความผิด จะต้องถูกลงโทษในทุกกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ไม่มีข้อยกเว้น หากพบเจ้าหน้าที่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือให้การช่วยเหลือผู้กระทำความผิด รวมถึงละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ จะถูกลงโทษทั้งทางวินัยและอาญา
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังแนะนำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เน้นย้ำหรือเพิ่มช่องทางการแจ้งเบาะแสสำหรับประชาชน โดยเชื่อว่าการมีส่วนร่วมของประชาชน จะช่วยให้สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างดี มีประสิทธิภาพและยั่งยืน และยังแนะนำให้เพิ่มการสร้างการรับรู้ต่อประชาชน โดยเฉพาะการจัดทำชุดความรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพื่อให้เกิดการรับรู้เท่าทัน ไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ
"ปัจจุบันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เลือกใช้วิธีการในหลายรูปแบบเพื่อหลอกลวงประชาชน เช่น อ้างเป็นบริษัทจัดส่งพัสดุ , อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ , อ้างเป็นเจ้าหน้าศาล, อ้างเป็นพนักงานธนาคารหรือสถาบันทางการเงิน รวมถึงใช้ระบบเพื่อให้เห็นว่าโทรจากต่างประเทศ ขอให้ประชาชนระมัดระวัง อย่าให้ข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลทางการเงินกับบุคคลที่ไม่น่าไว้ใจ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ขอให้บุตรหลานช่วยกันเป็นหูเป็นตา แจ้งเตือน ให้คำแนะนำแก่ผู้สูงอายุ เพื่อป้องกันการสูญเสียทรัพย์สินจากการหลอกลวงของแก๊งคอลเซ็นเตอร์และมิจฉาชีพ และหากพบพฤติกรรมของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ขอให้เบาะแสแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเป็นประโยชน์ในการป้องกันและปราบปรามต่อไป" น.ส.ไตรศุลี กล่าว