นายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ รองอธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า กรณีมีข่าว "SIOFA จ่อเชือดเรือไทย" และ "SIOFA ยึดคืนพื้นที่จับปลา" นั้น กรมประมงขอชี้แจงว่า องค์การบริหารจัดการประมงในมหาสมุทรอินเดียตอนใต้ (Southern Indian Ocean Fisheries Agreement: SIOFA) เป็นองค์การบริหารจัดการประมงระดับภูมิภาค (Regional Fisheries Management Organization, RFMO) ที่ก่อตั้งขึ้นโดยมีอำนาจบริหารจัดการตามกฎหมายเมื่อปี 55 และประเทศไทยได้เข้าร่วมเป็นภาคีสมาชิกเมื่อปี 60
ทั้งนี้ SIOFA ถือเป็น RFMO ที่ก่อตั้งใหม่มากๆ เมื่อเปรียบเทียบกับ RFMO อื่นๆ เช่น คณะกรรมาธิการปลาทูน่าแห่งมหาสมุทรอินเดีย (IOTC) ที่ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 39 การออกกฎข้อบังคับใดๆ เพื่อบังคับใช้กับการประมงของภาคีสมาชิกจำเป็นต้องรอผลการศึกษาทางวิทยาศาสตร์มาเป็นพื้นฐาน ในการกำหนดมาตรการต่างๆ โดยในระหว่างที่รอผลการศึกษาข้อมูลวิทยาศาสตร์นี้
ดังนั้น SIOFA มีข้อตกลงร่วมกันว่า เพื่อป้องกันผลกระทบต่อระบบนิเวศไว้เป็นการล่วงหน้า ขณะเดียวกัน ไม่ให้กระทบต่อการทำประมงในแหล่ง ประมงเดิมของภาคีสมาชิก จึงกำหนดไม่ให้เรือประมงของรัฐสมาชิกขยายพื้นที่ทำการประมงออกไปจากแหล่งเดิมที่เคยทำการประมงอยู่ หรือ Fishing Footprint จนกว่าจะมีมาตรการอื่นที่เหมาะสมมาใช้บังคับ ซึ่งเรือไทยที่เคยทำการประมงในพื้นที่ Saya de Malha Bank ของ SIOFA ก็ให้ทำต่อไปได้ และในบรรดา 11 ภาคีสมาชิก ก็ถูกจำกัดให้อยู่ใน Fishing Footprint ของตนเอง เช่นเดียวกับประเทศไทย
ปัจจุบัน มีเรือประมงอวนลากไทยที่ได้รับใบอนุญาตทำการประมงใน Saya de Malha Bank ของ SIOFA จำนวน 4 ลำ ซึ่งประเทศไทยโดยศูนย์ Fisheries Monitoring Center (FMC) ของกรมประมง มีการควบคุม ติดตาม และเฝ้าระวังกลุ่มเรือดังกล่าวตามมาตรการอนุรักษ์และจัดการของ SIOFA อย่างเข้มงวด และเรือประมง ได้ปฏิบัติตามมาตรการชั่วคราว สำหรับการทำประมงพื้นท้องน้ำที่บังคับใช้ในปัจจุบันอย่างครบถ้วน มีระบบติดตามอิเล็กทรอนิกส์ และมีผู้สังเกตการณ์ประมงอยู่บนเรือตลอดเวลาในทุกเที่ยวเรือ
ในส่วนของประเทศไทย ได้รับการประเมินว่ามีระดับการปฏิบัติตามกฎ SIOFA ได้ 100% ในทุกรอบการประเมินของ SIOFA การทำการประมงของไทยจึงเป็นไปตามกฎข้อบังคับในปัจจุบัน จึงไม่เป็นเหตุที่ SIOFA จะยกมายึดคืนพื้นที่ทำการประมงของไทยได้แต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ในการประชุมสามัญประจำปีของภาคีสมาชิก ครั้งที่ 8 เมื่อเดือนก.ค. 64 ที่ผ่านมา องค์กร The Deep Sea Conservation Coalition (DSCC) ซึ่งเป็นองค์การนอกภาครัฐ (NGO) ได้นำเสนอเอกสาร เรื่อง ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับความหลากหลายทางระบบนิเวศจากการทำประมงอวนลากในพื้นที่ Saya de Malha Bank โดยเรียกร้องให้ประเทศไทยหยุดทำการประมงในบริเวณพื้นที่ Saya de Malha Bank จนกว่าจะมีการประเมินสภาวะทรัพยากร และพัฒนามาตรการที่ปกป้องความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต และชนิดสัตว์น้ำ ตลอดจน หญ้าทะเลในบริเวณดังกล่าว
ประเทศไทย และภาคีสมาชิกอื่นเห็นว่าเป็นการเรียกร้องที่ยังไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่เชื่อถือได้มารองรับ ข้อเสนอดังกล่าวของ DSCC จึงไม่ได้รับมติเห็นชอบจากภาคีสมาชิก SIOFA ดังนั้น การกล่าวถึงเรือประมงไทย ไปลากทำลายหญ้าทะเลจนส่งผลให้เกิดความเสียหาย จึงเป็นข้อมูลข่าวที่ไม่ถูกต้อง
จากข้อเรียกร้องของ DSCC ดังกล่าว ภาคีสมาชิกจึงเร่งรัดให้คณะกรรมการวิทยาศาสตร์ของ SIOFA ดำเนินการศึกษาข้อมูลในพื้นที่ Saya de Malha Bank และให้นำมาพิจารณาในการประชุมประจำปี คณะกรรมการวิทยาศาสตร์ (Scientific Committee, SC) ในเดือนมี.ค.65 ซึ่งเป็นตารางเวลากำหนดการประชุมประจำปีเป็นปกติ โดยผู้แทนไทยที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ประจำ SIOFA ได้เข้าร่วมเป็นประจำทุกปี
ทั้งนี้ จะมีวาระการพิจารณาข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ในหลายๆ เรื่อง เช่น การประเมินสภาวะทรัพยากรปลาหิมะ (ประเทศไทยไม่ได้จับปลากลุ่มนี้) การประเมินความเสี่ยงของระบบนิเวศและประชากรสัตว์น้ำ การพิจารณา ข้อมูลทางวิชาการสำหรับเขตคุ้มครองทางทะเลเป็นต้น
อย่างไรก็ดี จะเห็นได้ว่าการประชุมนี้จะเป็นประเด็นทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการพิจารณามาตรการหรือกฎข้อบังคับต่อการทำประมงเพื่อลงโทษเรือไทยทั้งสิ้น ส่วนจะได้ข้อยุติเรื่องผลการศึกษาทางวิทยาศาสตร์หรือไม่อย่างไร คณะกรรมการวิทยาศาสตร์ก็จะต้องรายงานต่อที่ประชุมสามัญประจำปี ครั้งที่ 9 ในเดือนก.ค. 65 ต่อไป
ในส่วนของคณะกรรมการวิทยาศาสตร์ ได้เริ่มทำการศึกษาในเรื่องนี้มาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา โดยได้ประสานงานกับกรมประมงเป็นระยะ เพื่อขอรับข้อมูลการทำประมงที่ผ่านมาของกองเรือประมงไทย เพื่อประกอบในการศึกษาและวิเคราะห์ ทั้งนี้ กรมประมงไม่ได้ปิดบังข้อมูลในเรื่องนี้แต่อย่างใด แต่เนื่องจากยังอยู่ระหว่างการศึกษาข้อเท็จจริงด้านวิทยาศาสตร์ของคณะกรรมการวิทยาศาสตร์ SIOFA ซึ่งเป็นการดำเนินการที่เป็นไปตามกระบวนงานและขั้นตอนของ SIOFA ที่กำหนดไว้ และเป็นไปตามมติที่ประชุมของภาคีสมาชิก
รองอธิบดีกรมประมง กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมประมงได้ประสานแจ้ง และร่วมดำเนินการกับผู้ประกอบการประมงนอกน่านน้ำไทย และสมาคมการประมงนอกน่านน้ำไทยมาโดยตลอด นอกจากนี้ ในการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ กรมประมงได้ทำงานร่วมกันกับคณะกรรมการวิทยาศาสตร์ SIOFA มาอย่างต่อเนื่องในฐานะภาคีสมาชิก ซึ่งขณะนี้ได้สั่งการให้จัดเตรียมทีมคณะนักวิชาการ และคณะผู้แทนไทย เพื่อเตรียมความพร้อมในเรื่องข้อมูล และท่าทีประเทศไทยในการเข้าประชุมทั้งสองการประชุม ในฐานะรัฐภาคีสมาชิกเพื่อรักษาประโยชน์ของประเทศไทย และประโยชน์ของ SIOFA ให้ได้อย่างสมดุล