นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ติดตามกรณีเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลบริเวณมาบตาพุด จ.ระยอง จากท่อใต้ทะเลของทุ่นรับน้ำมันดิบกลางทะเล ของ บมจ.สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC) ในช่วงกลางคืนของวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมาอย่างใกล้ชิด โดยนายกฯ ได้สั่งการให้กรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม กองทัพเรือ กระทรวงสาธารณสุข ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และหน่วยงานในพื้นที่เร่งแก้ไขปัญหาโดยด่วน
ขณะนี้ ทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ ได้บูรณาการความร่วมมือแก้ไขสถานการณ์น้ำมันรั่ว โดยมีการทำแผนรับมืออย่างเป็นขั้นตอนตามระดับความรุนแรง เพื่อให้การปฏิบัติงานในการแก้ไขสถานการณ์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ กรมเจ้าท่าได้รายงานแผนการขจัดคราบน้ำมันให้นายกรัฐมนตรีรับทราบว่า ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ บริษัท SPRC ได้ประสานสมาคมอนุรักษ์สภาพแวดล้อมของกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมัน (IESG) เพื่อให้การสนับสนุนน้ำยาขจัดคราบน้ำมัน ทุ่นล้อมน้ำมัน เรือ และบุคลากร ในการช่วยเหลือฉีดน้ำยาขจัดคราบน้ำมันตั้งแต่เริ่มการปฏิบัติ
ขณะเดียวกัน มีการขออนุญาตใช้สารจากกรมควบคุมมลพิษ จำนวน 40,000 ลิตร และประสานกับองค์กรนานาชาติ บริษัท Oil Spill Response Limited (OSRL) เพื่อขอสนับสนุนน้ำยาและอุปกรณ์ และเครื่องบิน C130 ซึ่งได้มาถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 27 ม.ค. ที่ผ่านมา รวมทั้งกรมเจ้าท่าแจ้งให้กองทัพเรือ จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการในการขจัดคราบน้ำมันตามแผนขจัดคราบน้ำมันแห่งชาติ มีกรมเจ้าท่าเป็นฝ่ายเลขาฯ และหน่วยประสานงาน
สำหรับการระดมฉีดสารน้ำยาขจัดคราบน้ำมัน (Dispersant) ได้รับความร่วมมือจากเรือของเอกชนที่มีเครื่องสูบ เพื่อใช้ในกรณีที่กลุ่มคราบน้ำมันที่มีความหนืดและหนาพอสำหรับการดูด รวมทั้งเพิ่มจำนวนทุ่นกักเก็บน้ำมันให้มีความยาวอย่างน้อย 3,000 เมตร เพื่อใช้ในการล้อมกลุ่มคราบน้ำมันที่มีความหนืดหนาแล้วทำการดูด และป้องกันไม่ให้มีการเข้าฝั่ง
ขณะเดียวกัน ได้ประสานขอภาพถ่ายทางอากาศทั้งในช่วงเช้า และเย็น จากสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) (GISTDA) เพื่อประกอบการสั่งการในแต่ละวัน รวมทั้งเตรียมพร้อมกรณีที่คราบน้ำมันเคลื่อนถึงฝั่ง โดยเตรียมทุนลอยน้ำ (shore boom) กันที่ชายหาด และเตรียมชุดขจัดคราบไว้พร้อมแล้ว
นายธนกร กล่าวว่า กรมเจ้าท่าประเมินว่ามีการรั่วไหลของน้ำมันไม่เกิน 50,000 ลิตร จากเดิมที่คำนวณไว้ 400,000 ลิตร ที่เป็นการคำนวณในความเป็นไปได้ที่เลวร้ายที่สุด และดำเนินการในเวลากลางคืน ซึ่งต่อมามีการประมาณการใหม่ว่ามีจำนวน 160,000 ลิตร โดยจากการควบคุมสถานการณ์โปรยน้ำยาขจัดคราบน้ำมัน ที่ทำให้น้ำมันย่อยสลายได้โดยแบคทีเรียธรรมชาติ ตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 25 ม.ค. ที่ผ่านมาต่อเนื่องถึงขณะนี้ ควบคู่กับการทำแนวป้องกันเพื่อไม่ให้น้ำมันไหลไปยังชายฝั่งได้ โดยใช้กลยุทธ์ ล้อม กัก เก็บ ทำลาย ทำให้สามารถควบคุมการกระจายตัวของน้ำมันได้ค่อนข้างดี
ทั้งนี้ คาดว่ามีปริมาณน้ำมันเหลือในทะเลประมาณ 4,000 ลิตร และจากการประเมินการเคลื่อนที่ของคราบน้ำมันเมื่อวานนี้ (27 ม.ค. 65) คาดว่ามีความเป็นไปได้ที่น้ำมันจะขึ้นฝั่ง กรมเจ้าท่าและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงดำเนินการเฝ้าระวัง ร่วมมือกันอย่างสุดความสามารถ เพื่อไม่ให้มีคราบน้ำมันขึ้นฝั่ง และจากการสำรวจคราบน้ำมัน ล่าสุดวันนี้ เมื่อเวลา 09.30 น. ทั้ง 3 จุดคือ ที่สุดหาดแม่รำพึง ลานหินขาว และโค้ง สอต. ยังไม่พบคราบน้ำมันแต่อย่างใด
"ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย มีการร่วมประชุมวางแผนแก้ไขปัญหา เตรียมกำลังพลและอุปกรณ์สนับสนุนการควบคุมคราบน้ำมัน และเตรียมทำความสะอาดชายหาด คาดการณ์ว่าผลกระทบที่เกิดขึ้น จะน้อยกว่าสถานการณ์ในปี 56 เนื่องจากลมสงบและคลื่นน้อย ทำให้การกระจายตัวของคราบน้ำมันช้าลง" นายธนกร กล่าว
อย่างไรก็ดี ขอให้ประชาชนในบริเวณที่ได้รับผลกระทบ และต้องการความช่วยเหลือ สามารถโทรแจ้งศูนย์ดำรงธรรม ที่หมายเลข 1567 หรือแจ้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่