ศึกเลือกตั้งวันที่ 23 ธ.ค.50 ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ประเมินเม็ดเงินที่ใช้ในการเลือกตั้งจากผู้ที่เกี่ยวข้องในพรรคการเมืองต่างๆ และคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) โดยคาดว่าจะมีเม็ดเงินสะพัดในการเลือกตั้งประมาณ 21,000 ล้านบาท ลดลงจากการเลือกตั้งครั้งใหญ่เมื่อปี 48 ที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเคยประมาณไว้ว่ามีเม็ดเงินสะพัดประมาณ 25,000 ล้านบาท
โดยเหตุที่เม็ดเงินสะพัดจากการเลือกตั้งครั้งนี้ลดลงจากครั้งก่อน เนื่องจาก กกต.ได้เข้มงวดกับการใช้เงินในการหาเสียงมากขึ้น รวมถึงมีการกำหนดค่าใช้จ่ายในการพิมพ์แผ่นพับและแผ่นป้ายโฆษณา จึงทำให้เม็ดเงินในการเลือกตั้งลดลง
ทั้งนี้หากแบ่งจำนวนเม็ดเงินจากการเลือกตั้งที่คาดว่าจะสะพัดอยู่ในแต่ละภาคนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าภาคอีสานจะมีเม็ดเงินสะพัดสูงสุดที่ประมาณ 8,000 ล้านบาท เนื่องจากเป็นภาคที่มีจำนวนสัดส่วน ส.ส.มากสุดถึง 135 คนจากทั้งหมด 400 คน ซึ่งทำให้แต่ละพรรคการเมืองต่างพยายามแย่งชิงตำแหน่งส.ส.จากภาคอีสานให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ได้คะแนนเสียงข้างมากในสภาฯ และจะได้จัดตั้งรัฐบาลได้
ส่วนภาคที่เม็ดเงินสะพัดรองลงมา คือ ภาคเหนือ ประมาณ 3,900 ล้านบาท จำนวนที่นั่ง ส.ส. 75 คน, ภาคกลาง ประมาณ 3,600 ล้านบาท จำนวนที่นั่ง ส.ส. 95 คน, กรุงเทพฯ ประมาณ 3,300 ล้านบาท จำนวนที่นั่ง ส.ส. 36 คน และภาคใต้ ประมาณ 2,200 ล้านบาท จำนวนที่นั่ง ส.ส. 59 คน
--อินโฟเควสท์ โดย กษมาพร กิตติสัมพันธ์/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--