นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการปรับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 หลังมีข้อกังวลเรื่องยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่เริ่มขยับเพิ่มสูงขึ้นจนอาจแตะหลักหมื่นรายต่อวัน โดยกระทรวงสาธารณสุขกำลังจับตาดูสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด
ช่วงที่ผ่านมาด้วยประสิทธิภาพของวัคซีนและวินัยของประชาชน รวมถึงการเตรียมพร้อมทางการแพทย์ ทำให้จำนวนผู้ป่วยหนัก ผู้ป่วยที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ หรือต้องใช้ห้องฉุกเฉิน (ICU) ยังไม่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และจำนวน Home Isolation ยังคงสามารถควบคุมได้ดีอยู่ ผู้ป่วยติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการหนักก็ยังเป็นไปตามฉากทัศน์ที่งกรมควบคุมโรคได้ประเมินไว้
"เรามอนิเตอร์ยอดการติดเชื้อรายวัน และดูจำนวนผู้ป่วยหนัก จำนวนการใช้ห้อง ICU ไปจนถึงประสิทธิภาพของวัคซีน เราทำงานโดยตั้งอยู่บนความไม่ประมาท...มาตรการจะยังคงไว้ที่จุดเดิม การปรับมาตรการให้เข้มขึ้นต้องพิจารณาจากตรงนี้ด้วย การตัดสินใจต้องรอบคอบ เพราะกระทบกับชีวิตประชาชน" นายอนุทิน กล่าว
ส่วนกรณีที่เพจศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เผยแพร่ข้อมูลการไม่สวมหน้ากากอนามัยจะมีโทษจับปรับนั้นน่าจะเป็นข้อเสนอของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งที่ ศบค.ต้องนำมาพิจารณา แต่หากข้อสนับสนุนนั้นเป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดในการควบคุมโรคก็ต้องรับฟัง ทุกคนมีสิทธิ์คิด มีสิทธิ์เสนอและต้องมาฟังความคิดเห็นกัน หากได้รับความร่วมมือประชาชนนั้นเป็นอย่างดีก็ย่อมเป็นเรื่องดีกว่าต้องออกกฎหมายมาบังคับใช้
"เรื่องการปรับผู้ไม่สวมหน้ากากอนามัยยังไม่มีการออกมาในรูปแบบกฎหมาย ซึ่งจะต้องมาหารือกันอีกครั้งหนึ่งถึงเหตุผลและความจำเป็น ส่วนนักท่องเที่ยวที่ผ่านการเดินทางเข้าประเทศในระบบ Test&Go เมื่อผ่านการคัดกรองแล้ว ช่วงระหว่างอยู่ในประเทศไทย ก็ต้องปฏิบัติตามมาตรการของไทย หน้ากากก็ต้องใส่ จะมาบอกว่าผ่านมาตรการคัดกรองแล้วไม่ได้" นายอนุทิน กล่าว