นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า เทศกาลวาเลนไทน์ เป็นช่วงเวลาที่หลายคนให้ความสำคัญในการพบปะ พูดคุยพบเจอกับครอบครัว คนรัก เพื่อน ในการแสดงความรักในรูปแบบต่างๆ ที่อาจมีการรวมกลุ่ม โดยเฉพาะวัยรุ่นที่มีการแสดงความรัก มีโอกาสพบเจอหรือการแสดงออกที่อาจนำมาสู่การมีเพศสัมพันธ์ในช่วงวันวาเลนไทน์
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ โดยกองสุขศึกษาได้ทำการสำรวจการเฝ้าระวังความคิดเห็นของวัยรุ่นไทยต่อพฤติกรรมการมีเพศสัมพันธ์ ในช่วงวันวาเลนไทน์ โดยดำเนินการระหว่างวันที่ 31 มกราคม - 10 กุมภาพันธ์ 2565 ผ่านระบบออนไลน์ ผลสำรวจพบว่า วัยรุ่นมีความคิดเห็นว่ามีการฉลองวันวาเลนไทน์กับแฟนด้วยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อาจนำมาสู่การมีเพศสัมพันธ์ได้ 88.9% รองลงมา มีความคิดเห็นว่าวัยรุ่นมีเพศสัมพันธ์ในวันวาเลนไทน์ จะไม่สวมถุงยางอนามัยหรือกินยาคุมกำเนิด 68.2% อันดับ 3 มีความคิดเห็นว่าการมีเพศสัมพันธ์ในวันวาเลนไทน์เป็นเรื่องปกติ 40% และอันดับ 4 มีความคิดเห็นว่าวัยรุ่นจะใช้โอกาสวันวาเลนไทน์ในการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก 39.1%
จากผลสำรวจดังกล่าว สะท้อนความคิดเห็นของวัยรุ่นไทยที่มีความคิดว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สามารถนำไปสู่พฤติกรรมเสี่ยงในการมีเพศสัมพันธ์ได้จริง เนื่องจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีผลต่อสมอง ทำให้ร่างกายเคลื่อนไหวช้าลงและขาดสติได้ ไม่ได้สวมถุงยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์ที่อาจเกิดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ตามมา นอกจากนี้การรวมกลุ่มฉลองในเทศกาลวาเลนไทน์ ครอบครัว และเพื่อนมีโอกาสในการแพร่กระจายการติดเชื้อโควิด-19 ได้เช่นเดียวกัน
ด้าน ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า การดื่มแอลกอฮอล์อาจนำไปสู่การมีเพศสัมพันธ์ได้ตามที่วัยรุ่นคิดเห็นเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ควรให้ความสำคัญร่วมกันรณรงค์ให้ความรู้เรื่องการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร การตั้งในครรภ์ในวัยรุ่น การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย (safe sex) การใช้ถุงยางอนามัยกับการกินยาคุมกำเนิดที่ถูกต้อง โดยเฉพาะผู้ปกครองควรมีเวลาที่จะสื่อสารเพื่อแสดงออกถึงความรักความห่วงใยให้กับวัยรุ่นได้รับรู้ว่าคนในครอบครัวสำคัญกว่าคนภายนอก เพื่อย้ำเตือนให้วัยรุ่น รวมถึงประชาชนทุกกลุ่มต้องรักตนเองและครอบครัวก่อน หากมีคู่รัก ควรมีความพร้อม มีความรับผิดชอบ มีความรู้และเข้าใจในเรื่องการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย