นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีที่มีการเสนอให้เลื่อนปลดโรคโควิด-19 จากโรคฉุกเฉินวิกฤต (UCEP) จากวันที่ 1 มี.ค.65 ออกไปเป็นวันที่ 1 เม.ย.65 นั้นว่า ได้หารือกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุขแล้ว ซึ่งตนได้รับมอบหมายให้ไปประชุมหารือกับนพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข, นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ, นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ และ นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพื่อพิจารณาประเด็นที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน ทั้งข้อดี ข้อเสีย ผลกระทบ ประกันภัย ผู้ป่วยโควิดที่มีโรคร่วม จำนวนผู้ติดเชื้อ และสื่อสารทำความเข้าใจเรื่องการไปรับการรักษาในโรงพยาบาลตามสิทธิ
"ขณะนี้ยังไม่มีการประกาศปลดโควิดจากโรคฉุกเฉินวิกฤต อยู่ระหว่างการร่างประกาศ ซึ่งเดิมสถานการณ์การติดเชื้อไม่สูงมาก แต่หลังจากเทศกาลตรุษจีนผู้ติดเชื้อมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หากประชาชนยังไม่ได้รับทราบข้อมูลมากพอ อาจเกิดปัญหาเมื่อไปรับบริการได้ จึงต้องใช้เวลาในการสื่อสารให้ประชาชนเข้าใจว่า เมื่อประกาศยกเลิก UCEP โควิด ต้องไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลตามสิทธิ หากไปโรงพยาบาลเอกชนที่ไม่ได้อยู่ในสิทธิ ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง เหมือนกับการรักษาโรคอื่นๆ ตามปกติ" นายสาธิต กล่าว
นอกจากนี้ยังต้องหารือเรื่องอื่นๆ ด้วย ทั้งปัญหาการตีความประกันภัย อัตราการครองเตียง ที่ต้องคำนึงถึงผู้ติดเชื้อโควิดที่มีโรคร่วม เช่น มะเร็ง ซึ่งแม้จะไม่มีอาการแต่มีความจำเป็นต้องใช้เตียงที่มีศักยภาพ และหากมีการติดเชื้อสูงขึ้นอาจยังต้องใช้ศักยภาพของโรงพยาบาลเอกชนด้วย รวมถึงกรณีพื้นที่ กทม. ผู้ที่อยู่อาคารชุดหรือคอนโด หากนิติบุคคลไม่ให้กักตัว ก็อาจต้องไปใช้บริการโรงพยาบาลเอกชนที่มีฮอสปิเทล จึงควรต้องมีเป็นทางเลือกโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งถ้าได้ข้อสรุปแล้วจะเสนอให้รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข สื่อสารกับประชาชนต่อไป