นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยก่อนการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.ชุดใหญ่ โดยยืนยันว่าจำนวนเตียงตามโรงพยาบาลยังมีเพียงพอรองรับการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 โดยเตียงรักษาผู้ป่วยสีเขียวใช้ไป 50% ส่วนผู้ป่วยสีเหลืองและสีแดงมีไม่ถึง 20% ของจำนวนเตียงที่มีอยู่ จึงคิดว่ามีเตียงที่เพียงพอรองรับการรักษาพยาบาล โดยเฉพาะในส่วนของภูมิภาคและกรุงเทพฯ และวันนี้จะรายงานให้ที่ประชุม ศบค.ได้รับทราบถึงจำนวนเตียงที่มีเพียงพอ
ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีสั่งเลื่อนการออกประกาศยกเลิกแนวทางการรักษาและเบิกจ่ายโควิด-19 ระบบ UCEP นั้น นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า แนวทางเดิมของกระทรวงสาธารณสุขที่ดำเนินการให้มีการยกเลิก UCEP เนื่องจากต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ เนื่องจากขณะนี้ล่วงเลยมา 2 ปีกว่าแล้ว ความรุนแรง การเจ็บป่วยของโรคได้ลดลง ทำให้ต้องดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวโดยเจ็บป่วยฉุกเฉินก็ให้เข้ารักษาตามสิทธิโรงพยาบาลที่มีอยู่ ซึ่งคนไทย 99% ก็มีสิทธิอยู่ตามโรงพยาบาลต่างๆแล้ว แต่ผู้ป่วยสีเหลืองและสีแดง ยังได้รับสิทธิการรักษาแบบฉุกเฉินอยู่ แต่เพื่อความรอบคอบปลอดภัย นายกรัฐมนตรีจึงสั่งการให้กระทรวงสาธารณสุขไปทบทวนใหม่
อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจยกเลิก UCEP ไม่เกี่ยวข้องกับงบประมาณแต่อย่างใด แต่เป็นแผนให้โควิด-19 กลับมาเป็นโรคประจำถิ่น ซึ่งต่างประเทศได้ปรับมาตรการไปแล้ว แม้ประเทศไทยยังไม่ได้ประกาศ แต่ต้องบริหารจัดการให้เข้าสู่โรคประจำถิ่น ขณะนี้โรคได้ลดความรุนแรงลงและต้องเป็นไปตามกลไก แต่หากประกาศให้เป็นโรคฉุกเฉินอยู่ก็จะเป็นโรคประจำถิ่นไม่ได้ โดยเฉพาะผู้ป่วยในสีเขียวที่สามารถรักษาในระบบ Home Isolation ได้ ซึ่งหลังจากนี้กระทรวงสาธารณสุขจะไปทบทวนสิทธิต่อไป
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข กล่าวว่า การเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลตามหลักการ UCEP ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.)ให้ชะลอไว้ก่อนนั้น ไม่ได้ยกเลิกข้อเสนอของกระทรวงสาธารณสุข ทุกอย่างยังเหมือนเดิม เพียงแต่ขอให้ไปพิจารณา ให้ประชาชนเข้าใจก่อน เพราะกลัวประชาชนจะสับสน อย่าไปเข้าใจผิดว่า มีการตีกลับหรือตีตก
พร้อมยืนยันว่า ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) มีเตียงเพียงพอ และต่างจังหวัดก็มีความพร้อมรับผู้ป่วย และย้ำว่าในพื้นที่กทม. กระทรวงสาธารณสุขมีภารกิจหลักในการสนับสนุนการทำงานของกทม.เท่านั้น แต่การสั่งการหรือบริหารจัดการจะอยู่กับกทม.เป็นหลัก และกระทรวงสาธารณสุขมอบหมายให้กรมการแพทย์ประสานการทำงานกับ กทม.ในทุกๆเรื่อง
"ได้ประสานงานกันมาตลอด ไม่ได้ขัดแย้ง และพร้อมสนับสนุนการทำงานของ กทม.ที่เป็นเจ้าภาพหลักเสมอ และเมื่อกทม.ร้องขอมาตามระบบ สาธารณสุขก็พร้อมสนับสนันทันที เพียงแต่จะไม่ก้าวก่ายหน้าที่กัน"