โสภา กาญจนรินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟอลคอนประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ความสำเร็จที่เกิดขึ้นในปี 2564 นั้น มาจากปัจจัยหลายส่วนประกอบกัน แม้ว่าสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมประกันภัยเป็นวงกว้างก็ตาม แต่สำหรับฟอลคอนประกันภัย เราได้ดำเนินการตามนโยบายการบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ ควบคุมทุกกระบวนการภายในบริษัทฯ เพื่อให้สามารถบริหารความเสี่ยงให้อยู่ภายใต้ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ฟอลคอนฯ ควบคุมปริมาณการรับประกันโควิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบกับการเติบโตจากการรับประกันภัยประเภทอื่นๆ รวมถึงกลยุทธ์การรุกตลาดทุกช่องทาง และการปรับขั้นตอนการทำงานโดยมุ่งเน้น Automation process ในระบบการปฎิบัติการหลักของบริษัทฯ ในทุกส่วนงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการจัดการต้นทุนได้ดียิ่งขึ้น
โสภา กล่าวเพิ่มเติมว่า "ปี 2565 ฟอลคอนฯ ตั้งเป้าการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับที่ 3,125 ล้านบาท ในส่วนของกลยุทธ์นั้น ฟอลคอนฯ ยังคงมุ่งเน้นทำการตลาดทั้งกลุ่มลูกค้ารายเดี่ยวและกลุ่มลูกค้าองค์กร รวมถึงการขยายฐานลูกค้าไปยังตลาดใหม่ๆ แต่ยังคงเคร่งครัดในเรื่องการพิจารณารับประกันภัยและการจัดการสินไหมทดแทน ในปีนี้ฟอลคอนฯ มีแผนนำระบบ AI มาใช้ในการประเมินความเสียหายของรถยนต์เพื่อความถูกต้องแม่นยำและช่วยลดระยะเวลาในการขออนุมัติซ่อม ในส่วนของการรับ-ส่งข้อมูลและการสื่อสารระหว่างอู่กับบริษัทฯ ดำเนินการผ่านแพลตฟอร์มโดยการใช้ภาพถ่ายและข้อมูลในรูปแบบดิจิตอล ซึ่งการใช้ AI ในการประเมินความเสียหายนี้จะช่วยให้การอนุมัติซ่อมเป็นไปอย่างเป็นธรรมและโปร่งใสจากการใช้ราคากลางค่าซ่อมที่เป็นมาตรฐาน ทำให้ลูกค้าและคู่ค้าได้รับการบริการที่มีประสิทธิภาพและรวดเร็วยิ่งขึ้น ฟอลคอนฯ ได้พัฒนาระบบงานการให้บริการลูกค้าผู้ถือกรมธรรม์โดยลูกค้าสามารถติดต่อบริษัทฯ ผ่านทุกช่องทาง (Omni Channel) ด้วยการเชื่อมโยงช่องทางการติดต่อทุกช่องทางเข้าระบบ CRM เพื่อให้สามารถสื่อสารกับลูกค้าได้รวดเร็ว ทุกที่ ทุกเวลา ผ่าน Cloud Platform"
อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่สำคัญสำหรับการดำเนินธุรกิจในปี 2565 นี้ คือการนำนโยบาย ESG เข้ามาเป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์องค์กรเพื่อเป้าหมายในการเป็นบริษัทประกันวินาศภัยที่เติบโตยั่งยืน โดยเริ่มต้นจากการขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวในทุกส่วนงานอย่างเป็นรูปธรรม และกับลูกค้า คู่ค้าทุกกลุ่ม โดยบริษัทฯ มุ่งเน้นการจัดการให้มีกรอบการกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยในปีนี้ฟอลคอนฯ มุ่งเน้นการกำกับดูแลและบริหารจัดการความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและภัยคุกคามทางไซเบอร์ รวมทั้งมีการจัดระบบงานให้สอดคล้องตามหลักธรรมาภิบาล การบริหารความเสี่ยงที่ดี และเป็นไปตามมาตรฐานสากล บริษัทฯ มีแผนเข้าไปร่วมสนับสนุนงบประมาณกับหน่วยงานหรือองค์กรที่ไม่แสวงกำไร โดยในปีนี้ฟอลคอนมีแผนงานให้ลูกค้าสามารถเลือกรับกรมธรรม์ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยค่าใช้จ่ายจากการผลิตชุดกรมธรรม์จะนำมาบริจาคสมทบทุนให้กับองค์การด้านสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้เตรียมออกแผนประกันภัยสนับสนุนการใช้พลังงานทดแทนจากพลังงานแสงอาทิตย์สำหรับลูกค้าประกันภัยที่อยู่อาศัย โดยการมอบข้อเสนอพิเศษ เช่น ส่วนลดเบี้ยประกัน หรือการขยายความคุ้มครองเพิ่มเติมไปยังวัสดุที่ติดตั้งเพื่อเก็บกักพลังงานอีกด้วย สำหรับกระบวนการจัดการภายใน ฟอลคอนฯ ได้กำหนดนโยบายการทำงานแบบไฮบริดสำหรับพนักงานเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งจะสามารถช่วยลดปริมาณการเดินทางของพนักงานและมีผลโดยตรงในการช่วยลดการใช้พลังงานและลดการเกิดภาวะเรือนกระจกอีกด้วย" โสภากล่าว
เมื่อปี 2564 ฟอลคอนฯ มีเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 2,953 ล้านบาท เติบโตกว่า 15% เมื่อเทียบกับปึ 2563 สัดส่วนของการรับประกันภัย (Portfolio Mix) ระหว่าง Motor และ Non-Motor อยู่ที่ 51:49 โดยเบี้ยประกันภัยรถยนต์คิดเป็นสัดส่วน 51% รองลงมาเป็นประกันภัยทรัพย์สิน 21% ประกันภัยอุบัติเหตุและสุขภาพ 12% ประกันภัยเบ็ดเตล็ด 11% และประกันภัยอื่นๆ 5% สำหรับสัดส่วนของเบี้ยประกันโควิด-19 คิดเป็นประมาณ 1% ของเบี้ยประกันภัยรับ จึงไม่ส่งผลกระทบต่อการจัดการด้านสินไหมของบริษัทฯ รวมถึงการดำเนินธุรกิจกับคู่ค้าทุกรายยังคงเป็นไปตามปกติ ณ สิ้นปี 2564 บริษัทฯ มีอัตราส่วนเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามกฎหมายหรือ CAR 246% เมื่อเทียบกับขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนด 120%