นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในขณะนี้ถือว่าเป็นสายพันธุ์โอมิครอนเกือบทั้งหมด แม้สัดส่วนผู้ติดเชื้อจะไม่มีอาการรุนแรงและเสียชีวิตเหมือนช่วงที่มีการแพร่ระบาดของสายพันธุ์เดลตาก็ตาม แต่ช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมามีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น 1.5 เท่า และมีสัดส่วนผู้ป่วยอาการรุนแรงต้องใส่ท่อช่วยหายใจเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงผู้สูงอายุที่ยังไม่ได้รับวัคซีน สถานการณ์ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ก.พ.65) พบแนวโน้มการติดเชื้อในเด็กและผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างมาก ขณะที่กลุ่มผู้สูงอายุมีอัตราป่วยตายสูงกว่ากลุ่มอื่น โดยผู้ที่มีอายุ 70 ปีขึ้นไปมีอัตราป่วยตายสูงถึง 2.86%
"กลุ่มผู้สูงอายุมีโอกาสติดเชื้อน้อยกว่าวัยอื่น แต่มีโอกาสป่วยตายสูงกว่าวัยอื่น" นพ.โสภณ กล่าว
เมื่อพิจารณาเรื่องประวัติการฉีดวัคซีนพบว่า ผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี หรือ 75% ของผู้เสียชีวิตทั้งหมด 928 ราย ในจำนวนนี้ 60% ไม่มีประวัติการฉีดวัคซีน, 8% มีประวัติการรับวัคซีน 1 เข็ม, อีก 29% มีประวัติการรับวัคซีน 2 เข็ม และ 2%มีประวัติการรับวัคซีน 3 เข็มขึ้นไป โดยขณะนี้ยังมีผู้สูงอายุที่ยังไม่ได้รับวัคซีนจำนวน 2.17 ล้านคน
"ผู้สูงอายุที่ได้รับวัคซีนกระตุ้นเข็มสามจะปลอดภัยมากขึ้น ลดโอกาสการป่วยตายลง 41 เท่าเมื่อเทียบกับผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเลย" นพ.โสภณ กล่าว
รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ควรให้ความรู้ความเข้าใจเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนถึงเทศกาลสงกรานต์ที่จะมีลูกหลานมาเยี่ยม ซึ่งไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ลูกหลานนำเชื้อมาฝากเหมือนปีก่อน และจากฉากทัศน์ที่ปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้แถลงข่าวไปก่อนหน้านี้พบว่าสถานการณ์จริงขณะนี้มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้น ซึ่งหากไม่มีมาตรการควบคุมที่เข้มงวดอาจทำให้ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มถึง 5 หมื่นราย/วันได้ในช่วงกลางเดือน เม.ย.65