น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติ "โครงการอาชีวะ ฝีมือชน พัฒนากำลังคนชายแดนใต้" กรอบวงเงินงบประมาณ 107.6 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินโครงการตั้งแต่ปีงบประมาณ 2564 - 2568 ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องเพื่อช่วยเหลือนักเรียนด้อยโอกาสในเขตพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ได้เรียนรู้วิชาชีพและสร้างทักษะประกอบอาชีพที่มั่นคง
โครงการอาชีวะ ฝีมือชน พัฒนากำลังคนชายแดนใต้นี้ มีวัตถุประสงค์ ดังนี้
1) ช่วยเหลือนักเรียนด้อยโอกาส และครอบครัวผู้มีรายได้น้อย
2) สร้างโอกาสให้เยาวชนในเขตพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ได้เรียนรู้วิชาชีพอย่างมีคุณภาพ
3) ลดความเหลื่อมล้ำทางด้านการศึกษา และสร้างแรงจูงใจให้เยาวชนได้มีโอกาสสร้างทักษะในการประกอบอาชีพที่มั่นคง
โดยดำเนินการในลักษณะการจัดตั้งโรงเรียนประจำในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ในพื้นที่จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา จังหวัดนราธิวาส และจังหวัดสงขลา ในอำเภอจะนะ อำเภอเทพา อำเภอนาทวี และอำเภอสะบ้าย้อย รวม 4 แห่ง ได้แก่ 1) วิทยาลัยเทคนิคกาญจนาภิเษกปัตตานี 2) วิทยาลัยอาชีวศึกษายะลา 3) วิทยาลัยการอาชีพสุไหง-โกลก และ 4) วิทยาลัยเทคนิคจะนะ
สำหรับกลุ่มเป้าหมายของโครงการ จะเปิดรับนักเรียน/นักศึกษาในระดับ ปวช. จำนวน 135 คนต่อชั้นเรียน และระดับ ปวส. จำนวน 247 คนต่อชั้นเรียน ซึ่งเป็นนักเรียน/นักศึกษาที่ยากจน ถูกทอดทิ้ง ไม่มีผู้อุปการะ และได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีคุณสมบัติ อาทิ 1) ครอบครัวมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี โดยใช้ข้อมูลจากผู้ที่ลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยเพื่อรับสวัสดิการของรัฐ 2) เป็นนักเรียนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ 3) มีภูมิลำเนาในจังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา จังหวัดนราธิวาส และจังหวัดสงขลา ในอำเภอจะนะ อำเภอเทพา อำเภอนาทวี และอำเภอสะบ้าย้อย
น.ส.รัชดา กล่าวด้วยว่า โครงการนี้จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา และสร้างโอกาสให้นักเรียนด้อยโอกาสในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ศึกษาต่อด้านวิชาชีพอย่างทั่วถึง และมีทักษะประกอบอาชีพที่มั่นคง
ทั้งนี้ ผลการดำเนินโครงการในปีงบประมาณ 2561 - 2563 ที่ผ่านมา มีนักเรียน/นักศึกษา เข้าร่วมโครงการรวมทั้งสิ้น 858 คน แบ่งเป็นระดับ ปวช.จำนวน 318 คน และระดับ ปวส.จำนวน 540 คน ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนในพื้นที่เพิ่มมากขึ้น