นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัว โดยเฉพาะอายุ 70 ปีขึ้นไป มีอัตราเสียชีวิตสูงถึง 7.5% โดยวันนี้ (15 มี.ค. 65) มีรายงานผู้เสียชีวิต 70 ราย พบว่า 47 ราย อายุเกิน 70 ปี ขณะที่อีก 52 ราย ได้รับวัคซีนไม่ครบ
ทั้งนี้ ภาพรวมทั้งประเทศ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มแรกแล้ว 83% เข็มสอง 78.8% ส่วนเข็มสามฉีดได้เพียง 32% จึงต้องเร่งรณรงค์ฉีดวัคซีนในกลุ่ม 608 (ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง และสตรีมีครรภ์) หากฉีดครอบคลุมได้มากขึ้นจะช่วยลดอัตราป่วยและเสียชีวิตลงได้ ดังนั้น ช่วงก่อนเทศกาลสงกรานต์ที่จะมีการเดินทางกลับภูมิลำเนาจำนวนมาก กระทรวงสาธารณสุขจะเร่งสร้างความปลอดภัยแก่กลุ่มนี้ 2 เรื่อง คือ
1. จัดสัปดาห์รณรงค์ฉีดวัคซีนกลุ่ม 608 (save 608) ระหว่างวันที่ 21-31 มี.ค. 65 โดยจะเน้นการฉีดเข็มกระตุ้น รวมถึงการฉีดเข็มแรกและเข็มสอง โดยจะเร่งฉีดให้ได้มากที่สุด สำหรับผู้สูงอายุที่อาจมีความกังวลเรื่องผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีน จะเปิดให้เลือกรับวัคซีนไฟเซอร์เข็ม 3 แบบครึ่งโดสได้ ซึ่งยังสามารถกระตุ้นภูมิได้ดี แต่จะช่วยลดปัญหาเรื่องผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงประชาชนทั่วไปที่ถึงกำหนดฉีดวัคซีนเข็ม 4 ก็สามารถเลือกฉีดไฟเซอร์แบบครึ่งโดสได้เช่นกัน
"แต่ละจังหวัดมีการฉีดเข็ม 3 ในผู้สูงอายุไม่เท่ากัน บางจังหวัดได้มาก บางจังหวัดยังได้น้อย จึงได้มอบหมายให้รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข วางเป้าหมายการฉีดวัคซีนแต่ละจังหวัดให้ได้มากที่สุด โดยพิจารณาจากศักยภาพการฉีดในช่วง 10 วันที่จะรณรงค์" นพ.เกียรติภูมิ กล่าว
2. แนะนำให้ลูกหลานที่จะเดินทางกลับบ้านช่วงสงกรานต์ ทำตัวเองให้ปลอดจากเชื้อโควิด-19 (Self Clean Up) โดยระมัดระวังตนเองช่วง 1 สัปดาห์ก่อนเดินทางกลับ โดยไม่ควรรวมกลุ่มสังสรรค์ พบปะผู้คนจำนวนมาก หรือเข้าไปยังสถานที่เสี่ยง แออัด และก่อนเดินทางกลับควรตรวจ Antigen Test Kit (ATK) คัดกรองตนเองให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด เพื่อลดความเสี่ยงนำเชื้อกลับไปแพร่ให้ผู้สูงอายุที่บ้าน