นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า แนวทางการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่จะเริ่มวันที่ 16 มี.ค. 65 นี้ ผู้ป่วยยังได้รับการรักษาฟรีทุกราย โดยกลุ่มอาการสีเขียว คือ ไม่มีอาการหรืออาการเล็กน้อย รักษาในโรงพยาบาลเครือข่ายที่มีสิทธิการรักษาอยู่เหมือนกับการรักษาโรคอื่นๆ และใช้ระบบรักษาที่บ้าน/ชุมชน (Home Isolation: HI/Community Isolation: CI) หรือ Hospitel ได้เช่นเดิม รวมถึงการรักษาแบบผู้ป่วยนอก เจอ แจก จบ
นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า ผู้ป่วยอาการสีเหลืองและสีแดง ตามเกณฑ์ของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ถือเป็นผู้ป่วยฉุกเฉิน สามารถใช้สิทธิ UCEP Plus เข้ารักษาในโรงพยาบาลของรัฐและเอกชนที่อยู่ใกล้ได้ทุกแห่ง ซึ่งกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และ สพฉ. ได้ประชาสัมพันธ์และทำความเข้าใจกับโรงพยาบาลเอกชนแล้ว
สำหรับอาการของผู้ป่วยสีเหลือง ได้แก่ แน่นหน้าอก หายใจลำบาก หายใจเร็ว หายใจเหนื่อย ปอดอักเสบ ถ่ายเหลวมากกว่า 3 ครั้งต่อวัน เด็กมีอาการหายใจลำบาก ซึมลง ไม่ดื่มนม หรือทานอาหารน้อยลง กลุ่ม 608 (ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป มีโรคเรื้อรัง หญิงตั้งครรภ์) อ้วน น้ำหนักเกิน 90 กิโลกรัม
ส่วนกลุ่มอาการของผู้ป่วยสีแดง ได้แก่ หอบเหนื่อย พูดไม่เป็นประโยคขณะสนทนา แน่นหน้าอก หายใจแล้วเจ็บหน้าอก ปอดอักเสบรุนแรง มีภาวะช็อก มีภาวะโคมา ซึมลง มีไข้สูงกว่า 39 องศาเซลเซียส นานกว่า 24 ชั่วโมง และค่าออกซิเจนในกระแสเลือดน้อยกว่า 94%
นพ.เกียรติภูมิ กล่าวถึงจำนวนวันรักษาโควิด-19 ในโรงพยาบาล ซึ่งเดิมกำหนดไว้ 10 วัน จะมีการหารือปรับลดเป็นลักษณะ 7+3 คือ รักษาในโรงพยาบาล 7 วัน และกลับไปแยกกักตัวที่บ้านต่ออีก 3 วัน เนื่องจากปัจจุบันมีข้อมูลทางวิชาการเกี่ยวกับโควิด-19 มากขึ้น ทั้งนี้ จะมีการพิจารณาบนหลักของความปลอดภัย
สำหรับยารักษาโควิด-19 ยาโมลนูพิราเวียร์ที่นำเข้ามา จะใช้ทั้งในกลุ่ม 608 และคนทั่วไป เพื่อเปรียบเทียบผลการใช้กับยาฟาวิพิราเวียร์ โดยหากได้ผลดี สามารถจัดหายาโมลนูพิราเวียร์จากแหล่งผลิตในจีนและอินเดีย ในราคาที่ใกล้เคียงกับยาฟาวิพิราเวียร์ได้ ส่วนยาแพกซ์โลวิดอยู่ระหว่างการนำเข้า