นพ.อุดม คชินทร ที่ปรึกษาศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เปิดเผยก่อนการประชุมถึงการผ่อนคลายมาตรการช่วงเทศกาลสงกรานต์ว่า ก็จำเป็นที่จะมีการผ่อนคลายให้สามารถดำเนินกิจกรรมได้ตามปกติ แต่ประชาชนยังต้องระมัดระวังตนเอง เพราะยังมีการแพร่ระบาดอยู่ ซึ่งวันนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อยังคงสูง และมีผู้เสียชีวิตถึง 80 ราย แม้ส่วนใหญ่อาการจะไม่รุนแรง แต่ไม่อยากให้กลับไปเหมือนสงกรานต์ปีที่แล้ว ที่ไม่มีการล็อกดาวน์ และพบว่าตัวเลขจำนวนผู้ติดเชื้อสูงขึ้นมาก ดังนั้นจึงต้องกดตัวเลขผู้ติดเชื้อไม่ให้สูงขึ้นมาก
สำหรับการเปิดสถานบันเทิง ผับ บาร์นั้น นพ.อุดม กล่าวว่า อยากให้เปิดสถานบันเทิง แต่ถือเป็นสถานที่เสี่ยงสูงสุด ส่วนตัวอยากให้ผ่านช่วงสงกรานต์ไปก่อน แล้วค่อยพิจารณาอีกครั้ง เพราะต้องการให้ตัวเลขคงที่ก่อน ทั้งนี้เชื่อว่าถ้าวันนี้ควบคุมให้ดี ช่วงเดือนกรกฎาคมจะเปลี่ยนเป็นโรคประจำถิ่น เหมือนไข้หวัดธรรมดาได้
ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่า หากตัวเลขยังทรงตัวอยู่ในระดับนี้ เมื่อถึงกลางปี ตัวเลขน่าจะลงมาแตะที่หลักพันต้นๆ ซึ่งก็จะถือว่าเป็นปกติ แต่หากตัวเลขสูงขึ้นมากสถานการณ์จะลากยาวไปถึงสิ้นปีอย่างแน่นอน ดังนั้นทุกอย่างขึ้นอยู่กับประชาชน เพราะทั้งรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขทำงานอย่างเต็มที่แล้ว แต่เชื่อว่าตัวเลขผู้ติดเชื้ออาจสูงขึ้นไปถึง 3 หมื่นราย และ ตัวเลขผู้เสียชีวิตไม่อยากให้กลายเป็นตัวเลขสามหลัก ซึ่งถือว่าเยอะเกินไป
นพ.อุดม ได้ขอความร่วมมือประชาชน ก่อนเทศกาลสงกรานต์ให้ฉีดวัคซีนเข็ม 3 เนื่องจากเป็นปัจจัยสำคัญ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ และลูกหลานที่จะไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ต้องฉีดวัคซีนก่อนช่วงสงกรานต์ 2 สัปดาห์ เพื่อให้ภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้น และตรวจ ATK ก่อนเดินทาง และควรจะกักตัวก่อนเดินทางประมาณ 7 วัน เพื่อจะได้ไม่ต้องรับเชื้อโดยไม่รู้ตัวและปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด
"ตอนนี้มาถึงทางแยก ว่าจะให้โควิดบ้านเราสิ้นสุดที่กลางปีตามที่ทำนายหรือไม่ แต่ปัจจัยที่จะมาทำให้เปลี่ยนไปได้คือช่วงสงกรานต์ และถ้ากดตัวเลขไม่อยู่ และถ้าขึ้นไปสูงจะลากยาวถึงสิ้นปีและพวกเราจะลำบาก อึดอัดไปไหนก็ไม่ได้ เศรษฐกิจก็ไม่เดิน ตอนนี้อยู่ที่ประชาชนต้องให้ความร่วมมือซึ่งเราได้ทำกันอย่างเต็มที่แล้ว" นพ.อุดม กล่าว