นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) รับมอบยาต้านไวรัสชนิดรับประทาน หรือยาโมลนูพิราเวียร์ จำนวน 2 ล้านแคปซูล หรือ 50,000 คอร์สการรักษา จากบริษัท เอ็มเอสดี ประเทศไทย (บริษัทในเครือของ บริษัท เมอร์ค แอนด์ คัมปานี อินคอร์ปอเรท เมืองเคนิลเวิร์ธ มลรัฐนิวเจอร์ซี ประเทศสหรัฐอเมริกา) วันที่ 18 มี.ค. 65
"นับเป็นเรื่องน่ายินดี ที่วันนี้ประเทศไทยได้รับการส่งมอบยาโมลนูพิราเวียร์ จำนวน 2 ล้านแคปซูล จากบริษัทฯ อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นผลมาจากการเจรจาข้อตกลงเมื่อกลางปีที่ผ่านมา และได้ทำการลงนามในข้อตกลงการจัดซื้อจัดหายาต้านไวรัสชนิดรับประทาน ระหว่างบริษัทฯ และกรมการแพทย์ เมื่อเดือนพ.ย. ปีที่ผ่านมา หลังจากได้หารือเรื่องความคืบหน้าทางการวิจัยทางคลินิกมาก่อนหน้านั้น" นพ.สมศักดิ์ กล่าว
ทั้งนี้ ในเบื้องต้นจะใช้รักษาผู้ป่วยโควิด-19 ที่เป็นผู้ใหญ่ที่มีอาการของโรคในระดับน้อยหรือปานกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้ป่วยที่มีปัจจัยเสี่ยงอย่างน้อย 1 ปัจจัย ซึ่งอาจส่งผลให้การดำเนินโรครุนแรงขึ้น โดยจะมีการพิจารณาใช้ยาตัวนี้กับผู้ป่วยกลุ่ม 607 (กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และกลุ่มผู้ป่วยที่มีโรครื้อรัง 7 โรคประจำตัว)
อย่างไรก็ตาม อาจมีการพิจารณาใช้ยาตัวนี้กับผู้ป่วยกลุ่มอายุ 18 ปีขึ้นไปเพิ่มเติมในอนาคต หากมีจำนวนยาที่มากขึ้น ซึ่งจะมีการกำหนดแนวทางการกระจายยา และแนวทางการใช้ยาอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนเตรียมกระจายยาถึงโรงพยาบาลต่างๆ ในสัปดาห์หน้า
กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้มอบหมายให้ บริษัท ซิลลิค ฟาร์มา จำกัด ดำเนินการบริหารจัดการและกระจายยาต้านไวรัสชนิดรับประทาน จำนวน 2 ล้านแคปซูลนี้ ตามนโยบายและแผนงานของกระทรวงฯ เพื่อให้แพทย์สามารถใช้ยาต้านไวรัสชนิดรับประทานนี้เป็นทางเลือกในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ตามแนวทางการรักษา (Clinical Practice Guideline) โดยผู้ป่วยจะต้องได้รับยาโมลนูพิราเวียร์ วันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 4 แคปซูล ติดต่อกันเป็นเวลา 5 วันจนครบ (40 แคปซูล) โดยยาโมลนูพิราเวียร์ จะช่วยลดโอกาสในการเสียชีวิต หรือเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลได้ในผู้ป่วยที่เสี่ยงจะมีอาการรุนแรง หากได้รับยาภายใน 5 วันนับจากวันที่เริ่มมีอาการ
ด้าน ดร.แมรี เสรฐภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มเอสดี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ มีความยินดีที่ได้ดำเนินการนำยาต้านไวรัสชนิดรับประทานสำหรับรักษาโควิด-19 ซึ่งเป็นยานวัตกรรมที่ผ่านการวิจัยทางคลินิก ส่งมอบแก่กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้อย่างสำเร็จลุล่วง
ทั้งนี้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ทำงานอย่างหนักและแข่งกับเวลา เพื่อทำการวิจัยและพัฒนายานวัตกรรมเพื่อต่อสู้กับโรคระบาด ซึ่งขอขอบคุณกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางในหลายสาขา ที่ได้ร่วมแลกเปลี่ยนความรู้ทางการแพทย์ การรักษาผู้ติดเชื้อ และข้อมูลทางคลินิกเกี่ยวกับยารักษาโควิด-19 ชนิดรับประทาน โดยมีเป้าหมายเดียวกัน คือ เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ในประเทศไทย
"เราภูมิใจที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยให้คนไทยต่อสู้กับโควิด-19 และมีส่วนร่วมในการสนับสนุนการเตรียมความพร้อม เพื่อช่วยให้ประเทศไทยสามารถเปลี่ยนสถานการณ์จากการระบาดใหญ่ ไปสู่โรคประจำถิ่นตามนโยบายของภาครัฐ ทำให้ประเทศไทย และประชาชนในประเทศสามารถกลับมาดำเนินชีวิต ไปทำงาน และมีกิจกรรมทางสังคมเพื่อฟื้นคืนเศรษฐกิจได้อีกครั้ง อย่างค่อยเป็นค่อยไปและปลอดภัย" ดร.แมรี กล่าว