นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ประเทศไทยยังมีแนวโน้มพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในระดับสูงคงตัว ทำให้ผู้ป่วยปอดอักเสบ ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ และผู้เสียชีวิตมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่ส่วนใหญ่ยังเป็นผู้ป่วยที่ไม่มีอาการหรืออาการน้อย สามารถเข้ารับการรักษาแบบผู้ป่วยนอกและแยกกักตัวที่บ้าน (OPSI) หรือ "เจอ แจก จบ" ได้ ซึ่งตั้งแต่วันที่ 1-24 มีนาคม 2565 ทั่วประเทศมีสถานพยาบาลเข้าร่วม 901 แห่ง สามารถให้บริการ OPSI ได้วันละ 1 แสนราย มีผู้ป่วยเข้ารับบริการสะสม 656,856 ราย เฉลี่ยวันละ 27,369 ราย เฉพาะพื้นที่ กทม. ให้บริการผู้ป่วยได้วันละ 1 หมื่นราย มีผู้ป่วยเข้ารับบริการสะสม 65,305 ราย เฉลี่ยวันละ 2,839 ราย
นพ.เกียรติภูมิ กล่าวต่อว่า ผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาแบบ "เจอ แจก จบ" มีการประเมินอาการแรกรับ และติดตามอาการหลังครบ 48 ชั่วโมงทุกราย ไม่พบกรณีอาการเปลี่ยนแปลงมากขึ้นแล้วไม่ได้รับการดูแล เนื่องจากมีช่องทางติดต่อกลับและระบบส่งต่อ ส่วนผู้ป่วยที่ไม่สามารถแยกกักตัวที่บ้านได้ ยังมีระบบ Community Isolation รองรับ ซึ่งจากการประเมินความพึงพอใจของผู้ป่วยที่รับบริการ พบว่า 92% พึงพอใจระดับมากถึงมากที่สุด
ขณะที่บุคลากรทางการแพทย์มีความพึงพอใจสูงมาก เนื่องจากช่วยลดภาระงาน และการใช้ทรัพยากรที่ไม่จำเป็น และได้ผลในการรักษาไม่ต่างจากระบบ Home Isolation ดังนั้น กระทรวงสาธารณสุขจะขยายบริการในโรงพยาบาลต่างๆ ให้มากขึ้นทั่วประเทศ
"สำหรับเทศกาลสงกรานต์ที่จะถึงนี้ ขอให้ทุกจังหวัดเร่งรัดการฉีดวัคซีนโควิด 19 ให้แก่ผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน และผู้ที่ครบกำหนดการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น เพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน โดยเฉพาะกลุ่ม 608 คือ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง และหญิงตั้งครรภ์ เนื่องจากหากติดเชื้อจะมีอาการรุนแรงและเสียชีวิตได้ และขอให้เข้มมาตรการ VUCA โดยเฉพาะจังหวัดที่จะจัดงานเทศกาลสงกรานต์ มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก หรือมีผู้ร่วมกิจกรรมเดินทางมาจากต่างจังหวัดจำนวนมาก เพื่อลดความเสี่ยงต่อการระบาดเป็นวงกว้าง หรือแพร่โรคไปยังกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ กลุ่มผู้สูงวัย เด็กเล็ก และกลุ่มเปราะบาง" นพ.เกียรติภูมิกล่าว