พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) และ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารงานป้องกันปราบปราม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปป.ตร.) เปิดเผยว่า ได้กำชับหน่วยปฎิบัติงานด้านป้องกันปราบปราม ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทุกหน่วยขับเคลื่อนงานป้องกันปราบปราม และมาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมในห้วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ โดยมีแนวปฎิบัติดังนี้
1.พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้สั่งการให้จัดฝึกอบรมให้แก่ผู้ปฏิบัติสายงานป้องกันปราบปราม ระดับ รอง ผกก.-สว. จำนวน 5 รุ่น เสร็จสิ้นแล้ว กำชับหน่วย น. ภ.1-9 นำผลที่ได้จากการฝึกอบรมไปถ่ายทอดให้กับกำลังพลของหน่วยให้เสร็จสิ้นภายใน 15 มิ.ย.65 โดยจะมีการตรวจสอบประเมินผลการฝึกภายในเดือน ก.ค.65 และ ผบ.ตร. ได้ให้ ศปป.ตร. จัดทำคู่มือการปฏิบัติ (SOP) อยู่ในแอปพลิเคชั่นงานป้องกันปราบปราม KMPP ซึ่งสามารถดาวน์โหลด และศึกษาได้ด้วยตนเองอยู่ใน App แทนใจของ ตร.
2.จากการตรวจสอบเหตุเกี่ยวกับทรัพย์ในระบบของ ตร. ได้กำชับให้ลงรายละเอียดให้ครบถ้วน โดยเฉพาะรายละเอียดว่าเหตุเกิดที่ใด เช่น ธนาคาร ร้านทอง ร้านสะดวกซื้อ สถานที่เกิดเหตุ และพฤติการณ์รายละเอียด เพื่อตรวจสอบได้และเพื่อการวางแผนการป้องกัน
3.กำชับให้เข้มงวดกวดขันจับกุมสถานบริการที่กระทำผิดอย่างเคร่งครัด หากตรวจพบมีการปล่อยปละละเลย จะพิจารณาข้อบกพร่องเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ 4.ในการตั้งด่านตรวจ จุดตรวจ จุดสกัด ป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ซึ่งมีรายละเอียดในการปฏิบัติของจุดตรวจ เช่น ต้องขออนุญาตผ่านระบบ TPCC ทุกครั้ง อุปกรณ์ที่ต้องใช้ เช่น กล้อง CCTV, Body Camera, แผงไฟ, ป้ายแจ้งเตือนฯ ต้องมีครบถ้วน และให้นำความรู้ที่ได้จากการฝึกอบรมผู้ปฏิบัติสายงานป้องกันปราบปรามปีงบประมาณ 2564 และ 2565 มาใช้ในการปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม 5.ให้ทุกหน่วยจัดทำแผนเผชิญเหตุ การเข้าระงับเหตุทะเลาะวิวาทในโรงพยาบาล และทำการฝึกซักซ้อม ตามรูปแบบที่ได้รับการฝึกอบรมฯ โดยให้มีความพร้อมฯในการปฏิบัติ
6.ทุกพื้นที่จัดกิจกรรมในช่วงเทศกาล "สงกรานต์ 2565" ให้ปฏิบัติตามมาตรการที่ ศบค.กำหนด และให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด 7.การอบรมปล่อยแถวสายตรวจทุกผลัดเป็นสิ่งที่ ผู้บังคับบัญชา ผู้กำกับการ รองผู้กำกับการป้องกันปราบปรามต้องลงไปดู ควบคุมการปฏิบัติ การส่งมอบข้อมูลอาชญากรรม เหตุต่างๆที่เกิดขึ้น และตรวจสอบความพร้อมในการปฏิบัติงานของสายตรวจ
8.งานป้องกันปราบปรามเป็นงานที่มีข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติเป็นกำลังพลกว่า 50% ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฉะนั้นการขับเคลื่อนงานส่วนใหญ่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงเป็นหน้าที่ของฝ่ายป้องกันปราบปราม สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ทำการจัดหา สนับสนุน งบประมาณ อุปกรณ์ในการทำงานต่างๆให้กับผู้ปฏิบัติ หากมีข้อสงสัย ไม่เข้าใจ ให้ทำการสอบถามข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง เพื่อจะได้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง ไม่คลาดเคลื่อน ให้ร่วมมือร่วมใจในการทำงาน และพัฒนาองค์กรให้เป็นที่ยอมรับ โดย ผบ.ตร.ได้ทำการสนับสนุนสวัสดิการต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับทุกหน่วย ทุกคน ทั้งได้สั่งการให้จัดหาอุปกรณ์ประจำกาย, ประจำรถสายตรวจ, ประจำหน่วย เพื่อสร้างความพร้อมให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ