โดยวันนี้เป็นวันแรกที่เปิดศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนฯ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยถือปฏิบัติ ดังนี้
1.การอำนวยความสะดวกจราจรเพื่อให้ประชาชนเดินทางอย่างปลอดภัย ให้ทุกหน่วยประสานเจ้าของถนนคืนพื้นผิวการจราจร เช่นจุดที่มีการก่อสร้าง ซ่อมแซมถนน เป็นเหตุให้รถชะลอตัว โดยสามารถคืนพื้นผิวได้แล้วทั้งหมด 418 จุดทั่วประเทศ จัดตำรวจอำนวยการจราจร ตามจุดสำคัญที่เป็นปัญหาการจราจร รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยว ในกรณีเกิดอุบัติเหตุ ให้มีชุดเคลื่อนที่เร็วพร้อมอุปกรณ์เช่น รถยก รถสไลด์ เข้าถึงที่เกิดเหตุและคลี่คลายการจราจรได้ทันที นอกจากนี้ยังได้ออกข้อบังคับเปิดช่องทางพิเศษเพื่อเร่งระบายรถ ทั้งขาเข้าและออก กทม. รวมระยะทาง 445 กม. และข้อบังคับห้ามรถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไป เดินในถนนบางสาย เพื่อลดความหนาแน่นการจราจร สำหรับรถบรรทุกที่มีความจำเป็นต้องเดินรถ เช่น รถขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิง อาหารสด สามารถยื่นคำขออนุญาตผ่านระบบออนไลน์ ของ บก.ทล. ได้ที่ www.hwpdth.com
2.การป้องกันและลดอุบัติเหตุ ให้ทุกหน่วยทำบัญชีกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่ เพื่อเข้าไปรณรงค์ประชาสัมพันธ์ป้องปรามกลุ่มเป้าหมาย ตั้งจุดตรวจกวดขันวินัยจราจร 1,937 จุด จุดตรวจวัดแอลกอฮอล์ 1,430 จุด และชุดสายตรวจจราจรอีก 1,903 ชุด เพื่อกวดขันจับกุมการกระทำผิดกฏจราจรที่เป็นปัจจัยเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ เริ่มตั้งแต่ 4 เม.ย.65 เป็นต้นมา และช่วง 7 วันควบคุมเข้มข้น โดยทุกจังหวัดได้ตั้งค่าเป้าหมายการลดอุบัติเหตุ ผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ ต้องลดลงจากค่าเฉลี่ยสงกรานต์ 3 ปีย้อนหลัง ไม่น้อยกว่า 5% โดยได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ตั้งแต่วันที่ 10-18 เม.ย.65 กำหนดให้มีการประชุมติดตามสถานการณ์อุบัติเหตุและการจราจรทุกวัน ในช่วง 7 วันควบคุมเข้มข้น (12-18 เม.ย.65) โดยมอบหมาย พล.ต.อ.ปรีชา และ พล.ต.ท.ประจวบ วงษ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร.เป็นประธานการประชุมตลอด 7 วัน และวันนี้เป็นการประชุมเปิดศูนย์ฯ เพื่อสั่งการทุกหน่วยให้เตรียมความพร้อมขั้นสุดท้าย
รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า การจะลดอุบัติเหตุบนถนนได้อย่างมีนัยสำคัญ ต้องสร้างจิตสำนึกการขับขี่ปลอดภัยตามกฎหมายจราจรให้กับสังคม ซึ่ง ตร.ได้ทำโครงการอาสาตาจราจร ร่วมกับมูลนิธิเมาไม่ขับ, บมจ.วิริยะประกันภัย, จส.100 และ สวพ.91 เพื่อให้ประชาชนส่งคลิปกล้องหน้ารถ หรือคลิปจากกล้องโทรศัพท์มือถือ ที่บันทึกเหตุการณ์การกระทำผิดกฎจราจรสำคัญที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อบุคคลอื่น หรือบันทึกอุบัติเหตุสำคัญและสามารถใช้เป็นพยานหลักฐานในทางคดีของตำรวจได้เพื่อช่วยคนดีชี้คนผิด โดยมูลนิธิเมาไม่ขับจะคัดเลือกเดือนละ 10 คลิป เป็นเงินรวม 50,000 บาท ตั้งแต่เริ่มโครงการในเดือน พ.ย.64 ที่ผ่านมา มีประชาชนส่งคลิปมากว่า 100 คลิปแล้ว