พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ในฐานะโฆษก บช.น. เปิดเผยความคืบหน้าคดีของนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ขณะนี้ทั้งหมดมีทั้งหมด 14 คดี แบ่งเป็น นครบาล 12 คดี และ จังหวัดเพชรบุรี 1คดี จังหวัดเชียงใหม่ 1 คดี ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการสอบปากคำและรวบรวมพยานหลักฐาน เนื่องจากบางเรื่องอาจจะหมดอายุความการร้องทุกข์ที่เป็นความผิดที่สามารถยอมความได้ หลังจากรู้เหตุ รู้ตัวบุคคล โดยต้องแจ้งความภายใน 3 เดือน และบางความผิดที่เป็นคดีอาญาที่ไม่สามารถยอมความได้ หากเป็นคดีอาญาแผ่นดินต้องดูจากอายุความ เช่น คดีอนาจาร มีโทษไม่เกิน 10 ปี แต่อายุความไม่เกิน 15 ปี ดังนั้นหากเหตุเกิดปี 62 ก็ถือว่ายังไม่ขาดอายุความ ซึ่งต้องดูว่าหลักฐานจากผู้เสียหายที่มาแจ้งความนั้น เป็นความผิดอะไร หากหมดอายุความตามที่กล่าวมานั้น จะถือว่าหมดอายุความตามตัวบทกฎหมาย แต่เรื่องที่เป็นอาญาแผ่นดินก็จะต้องดำเนินตามกฎหมาย
โฆษก บช.น. กล่าวอีกว่า สำหรับผู้เสียหายที่มาแจ้งความใหม่ ทั้ง 9 คดี ยังอยู่ระหว่างรวบรวมพยานฐานว่าเป็นความผิดใดบ้าง ส่วนเรื่องที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม กังวลว่าอาจมีผู้เสียหายบางรายมาแจ้งความเท็จนั้น จึงขอให้ผู้ที่จะมาแจ้งความไตร่ตรองให้ดี เจ้าหน้าที่จะรวบรวมพยานหลักฐาน และจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายข้อหาแจ้งความเท็จ และอาจจะถูกคู่กรณีฟ้องที่ทำให้เกิดความเสียหายอีกด้วยส่วนหนึ่ง
พร้อมยืนยันว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ให้ดำเนินคดีนี้อย่างตรงไปตรงมาตามพยานหลักฐานและตามกฎหมาย ซึ่งได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ เป็นผู้ควบคุมกำกับดูแลด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยอิงจากพยานหลักฐานเป็นหลัก