นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า เน้นย้ำให้สำนักงานชลประทานทั่วประเทศ เตรียมพร้อมรับมือฤดูฝนที่กำลังจะมาถึง โดยย้ำให้ดำเนินการปฏิบัติตาม 13 มาตรการรับมือฤดูฝนปี 2565 ของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้แต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทบทวนแผนการระบายน้ำอย่างเป็นระบบ เพื่อเตรียมรับมือปริมาณฝนที่อาจจะตกหนักในบางพื้นที่ และลดความเสี่ยงการเกิดอุทกภัย
ขณะเดียวกัน ได้ให้สำนักเครื่องจักรกล ดำเนินการถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับการใช้งาน และการบำรุงรักษาเครื่องจักร-เครื่องมือต่างๆ ให้กับบุคลากรของหน่วยงานในทุกพื้นที่ ให้สามารถบำรุงรักษา และใช้งานเครื่องจักร-เครื่องมือได้อย่างเต็มศักยภาพ
นอกจากนี้ ยังได้เน้นย้ำให้มีการตรวจสอบอาคารชลประทาน ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานตลอดเวลา การบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ควบคุม โดยพิจารณาปรับการระบายน้ำให้เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งหมั่นกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำอย่างสม่ำเสมอ ติดตาม วิเคราะห์สภาพอากาศ สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำ แหล่งน้ำ แม่น้ำสายหลักต่างๆ เพื่อประชาสัมพันธ์ถึงสถานการณ์น้ำให้ประชาชนรับรู้รับทราบอย่างต่อเนื่องและทั่วถึง
สำหรับสถานการณ์อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ ปัจจุบัน (21 เม.ย. 65) มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้น 44,964 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 59% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) เป็นน้ำใช้การได้ 21,026 ล้าน ลบ.ม.
ทั้งนี้ มีการจัดสรรน้ำทั้งประเทศไปแล้ว 21,614 ล้าน ลบ.ม. หรือ 97% ของแผนฯ เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้น 10,516 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 42% ของความจุอ่างฯ รวมกัน ปริมาณน้ำใช้การได้ 3,820 ล้าน ลบ.ม. และมีการจัดสรรน้ำไปแล้ว 5,969 ล้าน ลบ.ม. หรือ 105% ของแผนฯ ภาพรวมสถานการณ์น้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ