นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติหลักการร่าง พ.ร.ฏ.ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร จำนวน 3 ฉบับ ซึ่งเป็นการขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคเพื่อแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการนำเข้ายา เวชภัณฑ์ และเครื่องมือแพทย์ต้านโควิด-19 สำหรับบริจาคเป็นสาธารณกุศลออกไปจนถึงวันที่ 31 ธ.ค.66 และมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนรายจ่ายค่าซื้อชุดตรวจหาแอนติเจนด้วยตนเองจนถึงวันที่ 31 ธ.ค.65 ประกอบด้วย
1.ร่าง พ.ร.ฎ.ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร เพื่อขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคเพื่อแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) จากเดิมได้สิ้นสุดแล้วเมื่อวันที่ 5 มี.ค.65 ขยายออกไปอีก 1 ปี 10 เดือน ตั้งแต่วันที่ 6 มี.ค.65 ถึงวันที่ 31 ธ.ค.66 สำหรับการบริจาคเงินหรือทรัพย์สิน ผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ของกรมสรรพากร โดย 1.บุคคลธรรมดา ยกเว้นภาษีเงินได้ ต้องไม่เกิน 10% ของเงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่าย และหักลดหย่อนนั้น 2.บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ต้องไม่เกิน 2% ของกำไรสุทธิ และ 3.ผู้ประกอบการ ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มเฉพาะการบริจาคสินค้าให้แก่ สปน.โดยคาดว่ารัฐสูญเสียรายได้ประมาณ 9 ล้านบาท
2.ร่าง พ.ร.ฎ.ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร เพื่อขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการนำเข้ายา เวชภัณฑ์ และเครื่องมือแพทย์ต้านโควิด-19 สำหรับบริจาคเป็นสาธารณกุศล ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.65 ถึงวันที่ 31 ธ.ค.66 โดย 1.ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการนำเข้าเพื่อบริจาค โดยบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับการนำเข้าสินค้าที่ใช้รักษา วินิจฉัย หรือป้องกันโรคโควิด-19 ที่บริจาคให้แก่สถานพยาบาล ได้แก่ สถานพยาบาลของทางราชการ / สถานพยาบาลของสถาบันการศึกษาของรัฐ / สถานพยาบาลขององค์การมหาชน / สถานพยาบาลของรัฐวิสาหกิจ ที่เป็นองค์การของรัฐบาล หรือ หน่วยงานธุรกิจที่รัฐบาลเป็น เจ้าของ สถานพยาบาลของอปท. สถานพยาบาลของหน่วยงานอื่น ของรัฐ หรือสถานพยาบาลของ สภากาชาดไทย (2) หน่วยงานของรัฐอื่นๆ (3) องค์การหรือสถานสาธารณกุศลหรือสถานพยาบาล 2. ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการบริจาค โดยยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสำหรับเงินได้ที่ได้โอนทรัพย์สินสำหรับการนำเข้าและการบริจาคที่ได้กระทำตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.65-31 ธ.ค.66 คาดว่าจะทำให้ภาครัฐสูญเสียรายได้ภาษีประมาณปีละ 25 ล้านบาท
3.ร่าง พ.ร.ฎ.ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร เพื่อขยายเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนรายจ่ายค่าซื้อชุดตรวจหาแอนติเจนด้วยตนเอง (COVID-19 Antigen test self-test kits) ออกไปอีก 9 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.65 ถึงวันที่ 31 ธ.ค.65 โดยบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเงินได้ 50% ของรายจ่ายที่ได้จ่ายไปเป็นค่าซื้อชุดตรวจโควิด-19 แบบเร่งด่วน เพื่อใช้สำหรับพนักงานหรือลูกจ้างของตนเอง คาดว่ารัฐสูญเสียรายได้ภาษีเงินได้นิติบุคคลประมาณ 1,715 ล้านบาท
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แม้การขยายระยะเวลามาตรการภาษีทั้ง 3 ฉบับดังกล่าวจะทำให้รัฐสูญเสียรายได้ภาษีรวมประมาณ 1,749 ล้านบาท แต่จะลดภาระภาษีแก่ผู้ประกอบการ ยังเป็นสนับสนุนให้ผู้ประกอบการภาคเอกชน และประชาชน เข้ามามีส่วนร่วมและช่วยสนับสนุนการป้องกัน การระงับ และการยับยั้งการแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งจะเป็นผลดีแก่สุขภาพประชาชน ตลอดจนเศรษฐกิจและสังคมโดยรวมของประเทศ