นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บมจ. ท่าอากาศยานไทย (AOT) หรือ ทอท. พร้อมด้วย พ.ต.อ.จิรวัฒน์ เปี่ยมปิ่นเศรษฐ ผกก.สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ร่วมชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีมีผู้บุกรุกเข้าพื้นที่ เขตการบิน ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเมื่อวานนี้ (3 พ.ค.)ว่า ชายดังกล่าวขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาใกล้ ทำให้เจ้าหน้าที่เข้าไปห้าม เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าใกล้ ชายดังกล่าวได้ชักอาวุธปืนขึ้นมา ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องหลบเข้าที่กำบัง เนื่องจากไม่ทราบว่าเป็นอาวุธจริงหรือปลอม ซึ่งในระหว่างนั้น มีรถยนต์ของสายการบินที่ผ่านการตรวจอยู่ที่ Control Post 3 ดังกล่าว และประตูได้เปิดให้รถยนต์ดังกล่าวเข้าพื้นที่ ชายดังกล่าวอาศัยจังหวะฝ่าเข้าไป พร้อมกับใช้อาวุธปืนขู่เจ้าหน้าที่ และได้เข้าไปในเขตลานบิน หรือ Airside ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่ได้ติดตามตลอดเวลาและให้หน่วยสกัดในพื้นที่ดำเนินการทันที โดยใช้เวลาสามารถจับกุมตัวได้ในเวลา 12.04 น. หรือดำเนินการควบคุมได้ประมาณ 10 นาที
"ยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 3 พ.ค. เป็นเรื่องที่ควบคุมไม่ได้จริงๆ แต่เมื่อหลุดเข้ามาในพื้นที่สนามบินแล้วจะต้องมีมาตรการจัดการ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ สนามบินต้องดำเนินการ ซึ่งมีขั้นตอนปฎิบัติ การป้องกันดูแลแผนเผชิญเหตุเป็นไปตามมาตรฐาน ICAO ผ่านการตรวจสอบ ทอท.ไม่ได้คิดเอง ยืนยันสุวรรณภูมิมีมาตรฐานการดูแลความปลอดภัยเป็นระดับสากล"
ด้านพ.ต.อ.จิรวัฒน์ กล่าวว่า เบื้องต้นได้แจ้งความดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุรวม 7 ข้อหา คือ 1.ใช้อาวุธหรือวัสดุอื่นใด กระทำการทำลายหรือทำให้เสียหายอย่างร้ายแรง ต่ออากาศยานหรือสิ่งอำนวยความสะดวกของอากาศยาน
2.บุกรุก ด้วยไม่มีเหตุอันสมควรเข้าไปในสำนักงานในความครอบครองของผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย
3.ทำให้เสียทรัพย์
4.พาอาวุธ (ขวาน) ไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร
5.มียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย
6.เสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1
7.ทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัว หรือความตกใจโดยการขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย
จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า ผู้ต้องหามีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ช่วงปี 57 เคยโดนจับยา 2 คดี ทั้งนี้ตามกำหนดแล้วต้องส่งศาลวันพรุ่งนี้ เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุดราชการ