พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) นัดประชุมหน่วยงานภาครัฐ-เอกชน ซึ่งประกอบด้วย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สำนักงานศาลยุติธรรม, สำนักงานอัยการสูงสุด, สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.), สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.), กระทรวงการคลัง, ธนาคารแห่งประเทศไทย, สมาคมธนาคารไทย และผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ 4 เครือข่าย เป็นต้น เพื่อร่วมหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และอาชญากรรมทางออนไลน์ ที่กำลังระบาดอย่างหนักในขณะนี้
ผบ.ตร. กล่าวว่า ผลการหารือแนวทางแก้ไขในเบื้องต้น ธปท. จะออกหลักเกณฑ์เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาบัญชีม้า โดยกำหนดจำนวนบัญชีที่สามารถเปิดได้, การอายัดแบบจำกัดวงเงิน, การจัดทำฐานข้อมูลกลางเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลบัญชีม้า ระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กับธนาคารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการอายัดเงินต่างบัญชีธนาคาร และระงับบัญชีม้าด้วยหมายเลขบัตรประชาชน, หมายเลขโทรศัพท์, ออกประกาศให้ธนาคารจัดทำช่องทางให้ประชาชนสามารถอายัดเงินได้เองผ่านแอปพลิเคชั่นของธนาคาร และเชิญคู่กรณีไกล่เกลี่ยภายใน 3 วัน
ขณะที่ ปปง. จะยึดอายัดทรัพย์สิน, เงินดิจิทัล, ติดตามเส้นทางการเงินที่เข้าข่ายเป็นความผิดมูลฐานอย่างรวดเร็ว และแลกเปลี่ยนข้อมูลกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งการอายัดเงินสกุลเงินดิจิทัลนี้ ปปง. สามารถอายัดสกุลเงินที่ ก.ล.ต.รองรับ และสามารถอายัดบัญชีของผู้เทรดเหมือนบัญชีกับธนาคารทั่วไป แต่ยอมรับว่าหากถูกแปลงเป็นสกุลเงินอื่น หรือถูกโอนไปต่างประเทศ ก็เป็นเรื่องยาก และการออกประกาศโดยสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการดำเนินคดีกับผู้ขายเหรียญแบบ peer-to-peer และการวางแนวทางในการยึดเหรียญคริปโทเคอร์เรนซี่จากผู้กระทำความผิด
ด้านกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร่วมกับ กสทช. จะสนับสนุนด้านงบประมาณ เพื่อแก้ไขปัญหาด้วยการสร้างกลไล ระบุตัวตนตามตามกฎหมาย โดยออกประกาศให้ใช้วิธีการลงทะเบียนจากผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แต่ละค่ายโดยตรงเท่านั้น และจำกัดจำนวนซิม หรือหมายเลข 5 หมายเลขต่อผู้ใช้บริการ 1 คน หากจะเปิดหมายเลขที่ 6 ผู้เปิดหมายเลขต้องไปยืนยันตัวตนกับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ด้วยตนเอง, แก้ไขปัญหาการส่งข้อความโฆษณา หรือการปลอมเบอร์โทรศัพท์ ด้วยการโทรผ่านอินเตอร์เน็ต จะมีการบังคับให้แสดงเป็นเลขศูนย์ทั้งหมด หรือไม่ต้องแสดงหมายเลขโทรศัพท์ เพื่อให้ง่ายต่อการสังเกตของประชาชน พร้อมกับระงับเส้นทางการเชื่อมต่อกับตัวแทนเครือข่ายที่ไม่ได้รับความร่วมมือในการระบุตัวตนผู้กระทำผิด
ทั้งนี้ จะจัดทำฐานข้อมูลกลางเพื่อให้สามารถตรวจสอบชื่อผู้ลงทะเบียน ซิมโทรศัพท์ และประวัติการรับ-ส่งข้อความสั้น (SMS) ย้อนหลัง เพื่อให้ช่วยในการระบุตัวตนผู้กระทำผิด, การแจ้งเตือนและเสริมภูมิคุ้มกันให้กับประชาชนผ่านแอปฯธนาคาร, แอปฯเป๋าตัง และ SMS จากผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่
พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวเตือนประชาชนว่าอย่าหลงเชื่อการข่มขู่ หรือเชิญชวนให้ลงทุนต่างๆ และอย่าให้ข้อมูลส่วนตัวกับผู้อื่นโดยง่าย
ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา (มี.ค.-เม.ย. 65) พบสถิติการร้องทุกข์แจ้งความ เฉลี่ยวันละ 300 คดี ยอดรวมกว่า 20,400 คดี ในจำนวนนี้ มีคดีที่มีความเชื่อมโยงกัน 3,285 คดี รวมมูลค่าความเสียหายเกิดขึ้นกว่า 1,500 ล้านบาท ขณะที่ผู้เสียหายส่วนใหญ่พบว่าถูกหลอกลวงด้านการเงิน ในกรณีความเสียหายที่เกิดขึ้นนี้ ตำรวจสืบสวนพบบัญชีเกี่ยวข้องการกระทำความผิด และได้ขออายัดเงินไปแล้ว 6,405 บัญชี ซึ่งมียอดเงินรวมกว่า 1,229 ล้านบาท โดยขณะนี้พบว่าสามารถอายัดเงินไว้ได้กว่า 62 ล้านบาท