น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบการแก้ไขปัญหาผู้ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการชลประทานรวม 4 โครงการ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติครม. เมื่อวันที่ 21 เม.ย. 2541 ที่วางหลักการไว้ว่า ไม่สามารถจ่ายค่าชดเชย หรือค่าทดแทนซ้ำซ้อนหรือย้อนหลังให้แก่เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนได้ และอนุมัติให้กรมชลประทานจ่ายเงินค่าชดเชย หรือค่าขนย้าย สำหรับค่าที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิให้แก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการชลประทานเป็นกรณีพิเศษ
สำหรับทั้ง 4 โครงการ ประกอบด้วย โครงการแรก ได้แก่ โครงการเขื่อนน้ำอูน จ.สกลนคร อนุมัติให้ช่วยเหลือราษฎรกลุ่มที่ตกค้างยังไม่ได้รับเงิน จำนวน 295 ราย โดยให้จ่ายในอัตราเดิม 10,000 บาทต่อไร่ รายละไม่เกิน 15 ไร่ ส่วนผู้ที่ขอเงินเพิ่มจำนวน 2,285 ราย ให้ช่วยเหลือเยียวยาตามระเบียบ ตามประเภทที่ดิน เพื่อมิให้มีการเรียกร้องให้มีการจ่ายเงินเพิ่มในลักษณะเดียวกันจากโครงการอื่นๆ
สำหรับโครงการที่ 2-3 ได้แก่ โครงการอ่างเก็บน้ำบ้านทำนบ และโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยเชิง จ.สุรินทร์ ให้กำหนดจำนวนเงินช่วยเหลือตามกฎกระทรวง ที่ออกตามความใน พ.ร.บ.การประเมินราคาทรัพย์สินเพื่อประโยชน์แห่งรัฐ พ.ศ. 2562 เพื่อมิให้ค่าใช้จ่ายที่เกินกว่าที่รัฐเคยจ่ายสำหรับที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิ
ส่วนโครงการที่ 4 โครงการฝายกุมภวาปี จ.อุดรธานี ให้จ่ายเงินค่าขนย้ายราษฎรตามอัตราที่คณะกรรมการกำหนดค่าทดแทนทรัพย์สิน เพื่อการชลประทานโครงการฝายกุมภวาปีเคยกำหนดไว้ สูงสุดไม่เกินไร่ละ 50,000 บาท และต่ำสุดไร่ละ 10,000 บาท สำหรับการชดเชยในส่วนเพิ่ม เพื่อให้เหมาะสมตามสถานะและสภาพของที่ดิน ให้ใช้แนวทางการพิจารณากำหนดจำนวนเงินตามกฎกระทรวงที่ออกตามความใน พ.ร.บ.การประเมินราคาทรัพย์สินเพื่อประโยชน์แห่งรัฐ พ.ศ.2562
ทั้งนี้ ให้กรมชลประทานเป็นผู้ตรวจสอบและกำกับดูแลการจ่ายเงินของทั้ง 4 โครงการต่อไป โดยดำเนินการให้ถูกต้อง โปร่งใส และป้องกันไม่ให้บุคคลหรือกลุ่มบุคคล แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบจากราษฎร