พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี นำคณะลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในพื้นที่ จ.แม่ฮ่องสอน และเชียงใหม่ โดยในช่วงเช้าเป็นประธานพิธีมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน และติดตามผลการดำเนินงานตามมาตรการป้องกันไฟป่า ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ณ ศาลากลาง จ.แม่ฮ่องสอน พร้อมเดินทางเข้าชมกิจกรรมตามฐานการเรียนรู้ในศูนย์บริการและพัฒนาลุ่มน้ำปายตามพระราชดำริ
จากนั้นช่วงบ่าย ได้เดินทางต่อไปยังหอประชุมเดชะตุงคะ บน.41 จ.เชียงใหม่ เพื่อประชุมติดตามการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของรัฐบาลในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ จากนั้นได้เดินทางลงพื้นที่โครงการประตูระบายน้ำบ้านแม่ปูคา พร้อมระบบส่งน้ำ บ้านปูคาเหนือ ต.แม่ปูคา อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่
พล.อ.ประวิตร ได้ย้ำให้ทุกหน่วยงานให้ความสำคัญ และสนับสนุนการขับเคลื่อนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำภายใต้กลไกของคณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัด เพื่อเป็นเครื่องมือสำคัญในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน โดยมอบหมายให้ สทนช.พิจารณาสนับสนุนโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ ทั้งการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร และอุปโภคบริโภค พร้อมกำชับให้ทุกหน่วยงานดำเนินการตาม 13 มาตรการรับมือฤดูฝนปี 2565 ที่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบแล้วอย่างเคร่งครัด โดยขับเคลื่อนและบูรณาการการทำงานร่วมกันผ่านอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัดเชียงใหม่
ขณะเดียวกัน ได้มอบหมายให้จังหวัดเชียงใหม่บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขับเคลื่อนการจัดทำแผนหลักการพัฒนาและแก้ไขปัญหาคลองแม่ข่า พร้อมเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จตามแผน แม้ในปัจจุบันน้ำในลำคลองมีความใสสะอาดมากขึ้น รวมถึงการแก้ไขปัญหาการรุกล้ำลำคลอง เมื่อเปรียบเทียบกับหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งหากคลองแม่ข่าได้รับการพัฒนาอย่างรอบด้านจะส่งผลให้เกิดการปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนริมคลองแม่ข่าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ใน 4 มิติ คือ 1.การบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ 2.การพัฒนาคุณภาพน้ำ 3.การส่งเสริมปรับปรุงภูมิทัศน์และสภาพแวดล้อม และ 4.ส่งเสริมกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชน โดยเฉพาะเรื่องการอนุรักษณ์และรักษาคลองแม่ข่าอีกด้วย ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการพัฒนาทางด้านคุณภาพชีวิต สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่ให้เกิดความยั่งยืน
ด้าน นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการ สทนช. กล่าวถึงความก้าวหน้าการพัฒนาแหล่งน้ำในจังหวัดเชียงใหม่ ในช่วงปี 61-64 ว่า มีโครงการด้านทรัพยากรน้ำเกิดขึ้นใหม่เกือบ 2,000 แห่ง ความจุเก็บกักรวม 8.83 ล้าน ลบ.ม. พื้นที่ได้รับประโยชน์กว่า 1.5 แสนไร่ ประชาชนได้รับประโยชน์ 2.6 หมื่นครัวเรือน ผ่านโครงการสำคัญๆ อาทิ การก่อสร้างระบบระบายน้ำหลักเพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วมพื้นที่ชุมชนเมืองเชียงใหม่ ระยะที่ 2 งานปรับปรุงระบบผลิตน้ำประปาสถานีผลิตน้ำป่าแดดและวางท่อจ่ายน้ำในพื้นที่ตอนล่าง
โดยในปี 2565 มีโครงการพัฒนาแหล่งน้ำตามแผนงานบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอีก 86 แห่ง พื้นที่รับประโยชน์ 76,674 ไร่ เช่น การปรับปรุงโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่กวงอุดมธารา ปรับปรุงระบบผันน้ำจากฝายแม่ตื่นมาอ่างเก็บน้ำห้วยโป่งจ้อ รวมถึงงบกลางปี 2565 อีก 46 แห่ง อาทิ โครงการพัฒนาน้ำบาดาลเพื่อความมั่นคงระดับชุมชน ก่อสร้างระบบกระจายน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์จากแหล่งน้ำหนองธาร ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นโครงการที่สนับสนุนให้ประชาชนได้มีน้ำกินน้ำใช้ได้มั่นคงมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการเก็บกักน้ำในช่วงฤดูฝนใช้ในช่วงฤดูแล้งได้อย่างต่อเนื่อง