นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้รับคำยืนยันว่าสิงคโปร์ต้องการเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอีก พร้อมทั้งจะนำแนวคิดที่ได้จากการไปสำรวจตลาดสดในสิงคโปร์กลับมาปรับใช้กับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในประเทศไทยด้วยการเน้นทำให้รายรับเป็นไปในทิศทางเดียวกับรายจ่าย
นายสมัคร กล่าวว่า จากการหารือกับทางการสิงคโปร์ พบว่ามีความสนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทย แต่ยังไมได้หารือระบุลงไปชัดเจนว่าจะเข้ามาลงทุนในด้านใด และไม่ได้สอบถามถึงการลงทุนของกองทุนเทมาเสก
"เขาอยากกลับมาลงทุนในประเทศไทยอีก เพราะไทยเป็นเพื่อนที่ดี"นายสมัคร กล่าวถึงการเยือนสาธารณรัฐสิงคโปร์อย่างเป็นทางการ พร้อมด้วยนายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ระหว่างวันที่ 18-20 มีนาคม 2551 โดยได้เข้าหารือข้อราชการกับนายลี เซียน ลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์
นายสมัคร กล่าวว่า ระหว่างที่อยู่ในสิงคโปร์ได้ถือโอกาสเดินทางไปยังตลาดสดของสิงคโปร์ที่มีลักษณะเหมือนตลาดอตก.ของไทย โดยพบว่าค่าครองชีพของสิงคโปร์สูงกว่าไทยถึง 3-4 เท่า และได้แนวคิดว่ารายรับและรายจ่ายของสิงคโปร์มีความสมดุลกัน ซึ่งจะนำจุดนี้มาแก้ไขเศรษฐกิจในประเทศที่จะทำให้รายได้เป็นไปในทิศทางเดียวกัยรายจ่าย
นอกจากนั้น อดีตนายกรัฐมนตรีลีกวนยูของสิงคโปร์ยังได้สอบถามถึงความคืบหน้าคดีใบแดงของนายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร จึงได้ชี้แจงไปว่าอยู่ในขั้นตอนของศาล
สำนักโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังเปิดเผยเพิ่มเติมว่า นายสมัครได้หารือกับนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ถึงเรื่องการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกัน ซึ่งนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ระบุว่าสิงคโปร์มั่นใจในเสถียรภาพทางการเมืองของไทย และสนใจขยายการค้าและการลงทุนในไทย
พร้อมกันนั้น นายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณรัฐบาลสิงคโปร์ที่ได้ให้การดูแลแรงงานไทยในสิงคโปร์กว่า 47,000 คน เป็นอย่างดี ซึ่งแรงงานเหล่านี้ได้เข้ามาในสิงคโปร์ และได้รับการฝึกฝนอบรม และสามารถกลับไปเป็นแรงงานฝีมือที่มีคุณภาพในไทยได้อีกด้วย ซึ่งประเทศไทยได้มีการนำหลักสูตรฝึกอบรมของสิงคโปร์มาฝึกอบรมให้แก่แรงงานไทย ทั้งนี้ทราบว่าแรงงานไทยมีความสุขดี และขอให้สถานทูตไทยช่วยดูแลคนไทย และแรงงานไทยในสิงคโปร์ด้วย
--อินโฟเควสท์ โดย ฐานิสร์ ทองนอก/ศศิธร/กษมาพร โทร.0-2253-5050 อีเมล์: kasamarporn@infoquest.co.th--