นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้นำคณะผู้บริหาร กทม. เข้าพบกับคณะกรรมการหอการค้าไทย และผู้ประกอบการรุ่นใหม่ (YEC: Young Entrepreneur Chamber of Commerce) เพื่อหารือแนวทางการขับเคลื่อน กทม.ในด้านต่างๆ ร่วมกัน
สำหรับการหารือร่วมกันในครั้งนี้ หอการค้าไทย ได้นำเสนอประเด็นที่จะผลักดัน 6 ประเด็น ประกอบด้วย
1. การจัดตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐ และเอกชน ของกรุงเทพมหานคร (กรอ. กทม.) เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขัน และลดความเหลื่อมล้ำ และร่วมวางแผนยุทธศาสตร์ของ กทม.ร่วมกัน อาทิ เช่น การผลักดันเรื่อง e-Government มีความสำคัญมาก โดยสามารถช่วยลดเรื่องระยะเวลาการติดต่อราชการของภาคประชาชน และภาคธุรกิจแล้ว จึงอยากให้ กทม. นำร่อง ในบางเรื่องที่สามารถทำให้เกิดขึ้นได้ก่อน เช่น การติดต่อขอเอกสารต่างๆ ในสำนักงานเขต หรือหน่วยงานในสังกัด กทม. เป็นต้น การทำกรุงเทพให้เป็นเมืองน่าอยู่ Smart City และ เหมาะกับการเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจตามแนว Trade & Travel รวมถึง การส่งเสริมเอกลักษณ์ไทย ด้วยแนวคิด "ไทยเท่" ซึ่งจะช่วยให้เกิดการยกระดับคุณภาพ สินค้า และบริการต่าง ๆ ให้มีมูลค่าสูงขึ้น
2. การสร้าง Ecosystem ที่เหมาะกับการสร้างและบ่มเพาะผู้ประกอบการรุ่นใหม่ โดยได้มีการนำเสนอการสร้างผู้ประกอบการของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และได้มีการยกตัวอย่างของหอการค้าไทย ที่มีการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ (YEC) กรุงเทพฯ ในการมีส่วนร่วมขับเคลื่อนกิจกรรมของหอการค้าฯ โดย ได้มีข้อเสนอพัฒนาเมืองกรุงเทพฯ ในมิติต่าง ๆ อาทิ เช่น การพัฒนา Street Food เป็นต้น
3. การเตรียมตัวเป็นเจ้าภาพงาน APEC 2022 ช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยหลายกิจกรรมที่หอการค้าฯ ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลในนามภาคเอกชนในการมีส่วนร่วมจัดงานโดยเฉพาะงาน APEC CEO Summit ที่วางแผนจะจัดขึ้นที่ไอคอนสยาม จึงขอให้ทาง กทม. ช่วยเร่งการก่อสร้างและปรับปรุงถนนแถวนั้น รวมถึงเข้ามามีส่วนร่วมหรือสนับสนุนกิจกรรมเนื่องจากเป็นงานระดับชาติที่มีผู้นำจากทั่วโลกเดินทางมายังประเทศไทย ซึ่งพื้นที่การจัดงานทั้งหมดอยู่ในพื้นที่ กทม.
4. โครงการอบรมข้าราชการครูในสังกัดกรุงเทพมหานคร เพื่อการพัฒนานักเรียนสู่การเป็นพลเมืองโลก (To become active global citizens) โดยมีวัตถุประสงค์ในการสร้างพลเมืองไทยให้กลายเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพ และพัฒนาบุคลากรทางการศึกษาในสังกัดกรุงเทพมหานคร ให้มีความองค์ความรู้และความเข้าใจในการสร้างสรรค์พลเมืองโลก ผ่านกระบวนการคิด วิเคราะห์ และการเรียนรู้ผ่านประเด็นทางสังคม รวมถึงมีการเสริมเรื่องการสอนภาษาจีนให้โรงเรียนของสังกัดกทม 400 กว่า โรงเรียนทั้งระดับประถม มัธยม และอาชีวะด้วย ซึ่งการสร้างคนเป็นเรื่องที่สำคัญมาก
5. ผลักดันให้เกิดการทบทวนราคากลางในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เนื่องจากปัจจุบันราคากลางไม่เท่ากับราคาตลาด ทำให้กระทบต่อหลายโครงการที่ดำเนินการอยู่ หรือกำลังอยู่ระหว่างสรรหาผู้รับเหมา ซึ่งราคาที่ต่างกันอาจทำให้เกิดกรณีผู้รับเหมาบางรายทิ้งงานในหลายโครงการ รวมถึงภาคธุรกิจแบกรับต้นทุนที่เพิ่มสูงมากในช่วงที่ผ่าน ดังนั้น จึงเสนอให้ผู้ว่าฯ กทม. หารือกับกรมบัญชีกลาง ช่วยผลักดันประเด็นดังกล่าว เพื่อให้สะท้อนต้นทุนความเป็นจริงของภาคธุรกิจ
6. หลักสูตรผู้บริหารระดับสูง ที่เรียกว่าหลักสูตร Top Executive Program on China Business Insights and Network หรือเทพเซียน (TEPCIAN) เป็นหลักสูตรสำหรับผู้บริหารระดับสูง ทั้งชาวไทยและชาวจีนที่ต้องการทำการค้า การลงทุน การท่องเทียว ระหว่าง 2 ประเทศ และถือเป็นหลักสูตรแรกของไทยที่เน้นให้ผู้บริหารที่เข้าร่วมอบรมของจีน ได้รับทราบถึงแนวทางในการค้า การลงทุน และการประสานงานกับภาครัฐของประเทศไทย ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการทำธุรกิจระหว่าง 2 ประเทศด้วย โดยเฉพาะการท่องเที่ยวจากการที่ก่อน Covid มีนักท่องเที่ยวชาวจีนมาประเทศไทยกว่า 11 ล้านคน การรู้จักและเข้าถึงคนจีนมากขึ้น ก็จะสามารถช่วยให้เราเข้าใจกัน โดยผู้ว่าฯ กทม.แสดงความสนใจและจะส่งปลัดกทม. เข้าร่วมอบรมหลักสูตรนี้ด้วย
ด้านนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า แนวทางที่หอการค้าไทยนำเสนอ สอดคล้องกับแนวทางของ กทม.ในหลายเรื่อง เช่น การสร้าง e-Government การทำ One stop service เรื่อง Ease of doing Business การสร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ฯลฯ
โดยแนวทางของ กทม.นั้นกำหนดไว้ 3 เรื่อง คือ 1) การพัฒนาคุณภาพชีวิต 2) การสร้าง Productivity รวมทั้งเรื่อง Ease of doing business และ 3) สร้างโอกาสให้ประชาชน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ทั้งนี้ หัวใจของการทำงานคือต้องฟังเอกชนให้มาก โดยต้องการให้เอกชนเข้ามาร่วมกำหนดยุทธศาสตร์เมือง ซึ่งเห็นด้วยกับการตั้ง กรอ.กทม. โดยจะมีหลายหน่วยงานเข้ามาร่วมกันทำงาน คาดว่าจะจัดตั้งได้ภายใน 2 สัปดาห์ นอกจากนี้ จะต้องดึงคนเก่งเข้ามาช่วย จึงจะสามารถสร้างเมืองน่าอยู่ได้
"สิ่งที่ YEC หอการค้า เสนอเรื่อง Street food เป็นสิ่งที่น่าสนใจ เพราะเกี่ยวข้องเร่งด่วนกับปากท้องของประชาชน ซึ่งจะเร่งดำเนินการโดยด่วน ภายใน 1 เดือน นอกจากนั้น ที่หอการค้าฯ ได้เสนอเรื่องครูสอนภาษาจีน ซึ่งจะมาช่วยพัฒนาและยกระดับโรงเรียนในสังกัด กทม. ก็จะช่วยได้มาก" นายชัชชาติ กล่าว