น.ส.ดวงพร พรหมอ่อน กรรมการผู้จัดการ บริษัท จัดหางาน จ๊อบส์ ดีบี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยในงาน "SURVEY TO SURVIVE: เจาะ INSIGHT แนวโน้มตลาดงาน ทักษะอะไรที่คนทำงานยุคใหม่ต้องมี" ว่า จากฐานข้อมูลและผลสำรวจภาพรวมและแนวโน้มตลาดงานของจ๊อบส์ดีบี พบว่า ภายหลังจากสถานการณ์โควิด-19 ธุรกิจที่สามารถพลิกฟื้นกลับมาได้อย่างรวดเร็วมี 4 ธุรกิจ ได้แก่
1. ธุรกิจสารเคมี พลาสติก กระดาษ และปิโตรเคมี ซึ่งได้รับผลพวงเชิงบวกมาจากการใช้พลาสติกที่เพิ่มสูงขึ้นถึง 300% จากการจัดส่งอาหารในช่วงโรคระบาด
2. ธุรกิจไอที ที่เติบโตจากพฤติกรรมการบริโภคของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป อีกทั้งการสนับสนุนของรัฐบาลที่ผลักดันการนำเอาอุปกรณ์ไอทีมาประยุกต์ใช้
"ไอที ยังคงเป็นสายงานมนุษย์ทองคำ ที่ตลาดงานพร้อมแย่งชิงตัว และเป็นสายงานที่เงินเดือนขึ้นอันดับ 1 มาตลอดตั้งแต่ก่อนโควิด โดยมีภาค SME บางแห่ง พร้อมทุ่มเสนออัตราเงินเดือนที่สูง เพื่อดึงดูดมนุษย์ไอทีเข้าทำงาน" น.ส.ดวงพร กล่าว
3. ธุรกิจการผลิต จากดัชนีการผลิตที่เพิ่มขึ้น หลังจากมาตรการควบคุมโรคระบาดเริ่มผ่อนปรนลง
4. ธุรกิจการแพทย์และเภสัชกรรม ที่ถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากในช่วงวิกฤตโรคระบาดหลายปีที่ผ่านมา
น.ส.ดวงพร กล่าวต่อว่า ธุรกิจที่กลับมาเติบโตแบบก้าวกระโดดเหล่านี้ ส่งผลให้ความต้องการแรงงานที่มีทักษะเกี่ยวข้องดีดตัวกลับมา โดยธุรกิจไอที, ธุรกิจขายส่ง ขายปลีก และธุรกิจการเงินและการธนาคาร ถือเป็น 3 ธุรกิจที่มีการเปิดรับสมัครงานสูงสุดคิดเป็น 11.3%, 10.8%, 8.4% ตามลำดับ
ในส่วนของการฟื้นตัวของแต่ละสายงาน พบว่า สายงานที่เป็นที่ต้องการมากที่สุด ได้แก่
1. สายงานไอที คิดเป็น 19.1%
2. สายงานขาย บริการลูกค้า และพัฒนาธุรกิจ คิดเป็น 19.0%
3. สายงานวิศวกรรม คิดเป็น 13.9%
กลุ่มสายงานที่มีจำนวนประกาศงานเติบโตขึ้นมากที่สุด ได้แก่
1. สายงานอีคอมเมิร์ซ คิดเป็น 71.7%
2. สายงานขนส่ง คิดเป็น 43.8%
3. สายงานการเงินและการธนาคาร คิดเป็น 26.2%
สายงานที่มีจำนวนใบสมัครสูงสุด ได้แก่
1. สายงานขาย งานบริการลูกค้า งานพัฒนาธุรกิจ คิดเป็น 14.3%
2. สายงานการตลาด งานประชาสัมพันธ์ คิดเป็น 11.7%
3. สายงานธุรการและทรัพยากรบุคคล คิดเป็น 10.9%
น.ส.ดวงพร กล่าวว่า จากผลสำรวจสรุปภาพรวมและแนวโน้มตลาดงานปี 65 โดยอ้างอิงจากจำนวนประกาศงานและข้อมูลการสมัครงาน พบว่า เศรษฐกิจภาพรวมยังคงชะลอตัว ส่งผลให้อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2% ส่วนในด้านตำแหน่งงานว่างปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 30% ผันแปรไปตามจำนวนที่มากขึ้นของประชากรที่ได้รับวัคซีน โดยผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในช่วงเฝ้าระวัง และจับตาดูสถานการณ์เศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด
"คาดการณ์การจ้างงานครึ่งปีหลัง มองว่าจะมีการจ้างงานมากขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับอัตราเงินเฟ้อ เศรษฐกิจโลก ซึ่งเป็นผลพวงจากโควิดด้วย"
อย่างไรก็ดี มีบางสายงานที่มีความต้องการแรงงานจำนวนมาก แต่ไม่มีผู้สมัคร เช่น ภาคการท่องเที่ยว ที่ในช่วงโควิด-19 ผู้ที่ทำงานสายนี้ต้องลาออกไปทำงานสายอื่น และมีส่วนน้อยที่กลับบมาทำงานสายเดิม อย่างไรก็ดี ถือเป็นการเปิดโอกาสให้เด็กจบใหม่ หรือผู้ที่ต้องการทำงานสายนี้มากขึ้น ขณะที่บางสายงานที่มีความต้องการในตลาดจำนวนมาก เช่น สายการผลิต และงานสายไอที-ดิจิทัล มีผู้สมัครเพิ่มขึ้นถึง 50-60%
"สะท้อนให้เห็นว่าสถานการณ์โควิด-19 มีบทบาทส่งเสริมและผลักดันการดำเนินธุรกิจ การซื้อขาย และการทำธุรกรรมบนโลกออนไลน์ ช่วยกระตุ้นให้สายงานเหล่านี้พลิกกลับขึ้นมาเป็นสายงานสำคัญ และเป็นฟันเฟืองช่วยขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างสมบูรณ์" น.ส.ดวงพร กล่าว