นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า ต้องยอมรับความจริงว่าโควิด-19 มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นในเดือนนี้ ซึ่งเป็นเดือนที่นักเรียนเปิดเทอมแล้ว ซึ่งจะพบผู้ป่วยเด็กเพิ่มขึ้นอย่างมาก และการกระจายตัวติดในครอบครัว
"วันนี้ตั้งแต่เช้า รับโทรศัพท์ปรึกษา มีการติดในครอบครัวร่วม 10 ราย และตอนเช้าไปตรวจเด็ก คนไข้นอก เด็กป่วยเป็นโรคทางเดินหายใจ พบเหมือนฤดูกาลก่อนโควิดระบาด โรคทางเดินหายใจเพิ่มขึ้นมาก ในการตรวจจะแยกยากมากว่าเป็นโควิดหรือไม่ ป้องกันตัวเองอย่างเต็มที่ เหมือนตรวจเด็กโรคทางเดินหายใจทั่วไป ไม่ได้มีการใส่ PPE แล้ว ถ้าสงสัยจริงๆ ก็จะทำ ATK"
นพ.ยง กล่าวว่า อย่างที่เคยคาดไว้โควิด 19 จะระบาดมากตั้งแต่เดือนนี้เป็นต้นไป และจะขึ้นสูงสุดในเดือนกรกฎาคม-กันยายน และจะเริ่มลดลงในเดือนตุลาคม-ธันวาคม แล้วก็จะระบาดใหม่ในเดือนมกราคม เหมือนกับไข้หวัดใหญ่ของทุกปี การระบาดจะเกิดขึ้น 2 ช่วง ช่วงแรก เป็นช่วงของการเปิดเทอมแรกของนักเรียน ช่วงที่ 2 จะพบได้ต่ำกว่า เป็นช่วงตั้งแต่หลังเปิดเทอมที่ 2 แล้วประมาณ 1 เดือน คือเดือนมกราคม เป็นลักษณะของโรคทางเดินหายใจประจำฤดูกาลของประเทศไทย
โรคโควิด 19 พบสูงมากนับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ถ้าให้คาดการณ์วันนี้มีผู้ป่วยเท่าไร บอกได้แต่เพียงว่ามากกว่า 10 เท่าของตัวเลขที่รายงาน เพราะส่วนใหญ่มีอาการน้อย ตรวจ ATK รักษากันเอง และจำนวนหนึ่งจะไม่มีอาการ เพราะจากการศึกษาของเราในเด็ก โดยตรวจเลือด พบว่าเด็กประมาณครึ่งหนึ่งมีหลักฐานการติดเชื้อ โดยไม่มีอาการ
"ถ้าจะทราบตัวเลขที่แท้จริง จะต้องใช้สถานที่ใดที่หนึ่ง ทำเป็นสถานที่ศึกษาว่ามีจำนวนผู้ป่วยเท่าไร (Sentinel) เพราะตัวเลขขณะนี้ จะเป็นตัวเลขที่รับไว้ในโรงพยาบาล หรือมีการตรวจ RT-PCR ผู้ที่ติดเชื้อมีอาการน้อย การแพร่เชื้อจะน้อยกว่าผู้ที่ติดเชื้อมีอาการที่มากกว่า และการกำจัดไวรัสก็เป็นไปได้เร็วกว่า"