นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์โรคโควิด-19 ในประเทศไทยยังอยู่ในการควบคุมได้ แม้แนวโน้มผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยที่กำลังรักษาจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในพื้นที่ กทม. ปริมณฑล และจังหวัดใหญ่ทุกภูมิภาค โดยเฉพาะอำเภอเมือง ทั้งนี้ ส่วนใหญ่ติดเชื้อจากการสัมผัสใกล้ชิด และเริ่มมีสัญญาณพบผู้ป่วยอาการหนักเพิ่มขึ้น ส่วนผู้เสียชีวิตมีแนวโน้มลดลง แต่ยังเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไป ที่ได้รับวัคซีนไม่ครบตามเกณฑ์
ดังนั้น ต้องเร่งฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้นในทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่ติดเชื้อแล้วจะมีอาการรุนแรง คือ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้มีโรคประจำตัว รวมทั้งพิจารณาใช้ยาแอนติบอดีออกฤทธิ์ยาว (LAAB) ในกลุ่มเสี่ยงที่ไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้เพียงพอจากการฉีดวัคซีนด้วย
สำหรับผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ที่มีประวัติการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นแล้ว ได้ให้จังหวัดติดตามข้อมูล และเก็บตัวอย่างส่งตรวจหาภูมิคุ้มกันตามแนวทางที่กำหนด เพื่อยืนยันสาเหตุการเสียชีวิต และค้นหาปัจจัยเสี่ยงต่อการเสียชีวิต
นพ.เกียรติภูมิ กล่าวต่อว่า แม้ขณะนี้ประเทศไทยจะเริ่มผ่อนคลายมาตรการต่างๆ เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตใกล้เคียงปกติและขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่ยังแนะนำให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตนเองตลอดเวลา และมารับวัคซีนตามกำหนด ซึ่งป้องกันการติดเชื้อได้ในระดับหนึ่ง และหากติดเชื้อจะช่วยลดความเสี่ยงอาการรุนแรงได้อย่างมาก
ส่วนผู้ที่เดินทางไปต่างประเทศทุกคน แนะนำให้สวมหน้ากากอนามัยเมื่อต้องอยู่ใกล้ชิดกับผู้คนจำนวนมาก เว้นระยะห่างหรือหลีกเลี่ยงการร่วมกิจกรรมรวมกลุ่มคนจำนวนมากที่ไม่ได้สวมหน้ากาก เมื่อกลับจากต่างประเทศแล้วให้สังเกตอาการตนเอง และตรวจ Antigen Test Kit (ATK) เมื่อมีอาการป่วย
ทั้งนี้ หากพบว่าติดเชื้อโควิด-19 หรือเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง จำเป็นต้องสวมหน้ากากขณะอยู่ใกล้ชิดผู้อื่น โดยเฉพาะผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง 608 (ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้มีโรคประจำตัว และสตรีมีครรภ์) หรือเมื่อไปสถานที่ปิด สถานที่ที่มีคนจำนวนมาก