นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ย้ำว่ารัฐบาลได้ปลดล็อกกัญชา-กัญชง เพื่อประโยชน์ทางด้านการแพทย์และเศรษฐกิจ ซึ่งมีผลบังคับใช้เฉพาะภายในประเทศไทยเท่านั้น
โดยขอเตือนผู้ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ หรือยาที่มีส่วนผสมของกัญชา ตลอดจนมีส่วนต่าง ๆ ของกัญชา-กัญชงในครอบครอง ที่จะเดินทางไปต่างประเทศให้มีการตรวจสอบกฎหมายของประเทศปลายทางเกี่ยวกับข้อกำหนด การอนุญาต ข้อห้ามโดยละเอียด หากไม่แน่ใจ ไม่ควรนำทั้งผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสม หรือส่วนต่าง ๆ ของกัญชา-กัญชงติดตัวไปต่างประเทศ เนื่องจากหลายประเทศกัญชา-กัญชง ยังเป็นยาเสพติดและมีบทลงโทษที่รุนแรงตั้งแต่ปรับ จำคุก และมีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ล่าสุดเมื่อวานนี้ (29 มิ.ย.) สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล ออกประกาศเตือนคนไทยที่จะเดินทางไปหรือพำนักอยู่ในเกาหลีใต้ ห้ามนำเข้ากัญชา-กัญชง หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของพืชชนิดดังกล่าวเข้ามาในประเทศเกาหลีใต้ หากฝ่าฝืนจะมีโทษตามกฎหมายเกาหลีใต้ กรณีลักลอบนำเข้า มีโทษจำคุก 5 ปีขึ้นไป หรือตลอดชีวิต กรณีปลูกหรือจำหน่าย มีโทษจำคุกอย่างน้อย 1 ปี กรณีมีไว้ครอบครอง หรือเสพ มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และจะถูกเนรเทศ และห้ามเดินทางเข้าเกาหลีใต้อีก
"ขณะนี้มีหลายประเทศ ที่ออกประกาศห้ามนำกัญชาเข้าสู่ประเทศ เพราะยังคงผิดกฎหมายในประเทศปลายทางอยู่ อาทิ ญี่ปุ่น เวียดนาม อินโดนีเซีย ซึ่งล่าสุดคือเกาหลีใต้ ดังนั้น ผู้ที่จะเดินทางไปต่างประเทศและมีความจำเป็นต้องใช้กัญชาทางการแพทย์ จึงควรศึกษาข้อบังคับก่อนเดินทางออกนอกประเทศทุกครั้ง รวมทั้งตรวจสอบกฎหมายข้อกำหนดเกี่ยวกับกัญชาประเทศปลายทางโดยละเอียด หากต้องการเดินทางไปต่างประเทศต้องงดการใช้กัญชา หรือพกกัญชาไปด้วย ถ้าไม่แน่ใจไม่ควรนำติดตัวไปพร้อมการเดินทาง มิเช่นนั้นอาจจะมีความผิดตามกฎหมายได้ เนื่องจากในหลายประเทศยังผิดกฎหมาย" นายธนกร กล่าว