นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 11/2565 ว่า ที่ประชุมได้หารือถึงกรณีที่มีผู้ประกอบการถนนข้าวสาร เสนอให้เป็นศูนย์กลาง (HUB) กัญชา ทั้งนี้ เนื่องจากทุกคนจะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งหากพิจารณาตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดแล้ว น่าจะไม่สามารถดำเนินการดังกล่าวได้
นายจักกพันธุ์ กล่าวว่า ส่วนการขายกัญชา กัญชง หรือใบกระท่อมในที่สาธารณะ อันดับแรกหาบเร่แผงลอยที่จะขายของในที่สาธารณะ จะต้องเป็นคนที่ลงทะเบียนขายในจุดนั้น และเมื่อขออนุญาตขายสินค้าใดก็ต้องขายสินค้าที่ลงทะเบียนไว้
อย่างไรก็ดี จะนำกัญชง กัญชา หรือใบกระท่อมมาขายไม่ได้ เพราะในอดีตไม่เคยมีการลงทะเบียนขายกัญชา กัญชง หรือใบกระท่อมไว้ เนื่องจากเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ดังนั้น หาบเร่แผงลอยจะนำกัญชา กัญชง มาขายไม่ได้ หากจะเปลี่ยนประเภทสินค้าที่ขาย ก็ต้องไปขออนุญาตกรรมการที่สำนักงานเขตพื้นที่ที่จะขายก่อน
"กรุงเทพมหานครได้เฝ้าระวังอันตรายจากกัญชา กัญชง และใบกระท่อม โดยกำชับให้สำนักงานเขตและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบร้านค้าในพื้นที่ต่อเนื่อง" นายจักกพันธุ์ กล่าว
ทั้งนี้ ในระหว่างที่ยังไม่มีกฎหมายสำหรับกัญชา กัญชง ออกมาโดยเฉพาะ กรุงเทพมหานครจะดำเนินการเฝ้าระวังตามพระราชบัญญัติรักษาความสะอาด และความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 กับผู้กระทำผิด ซึ่งในการนำกัญชามาใส่ในอาหารหรือเครื่องดื่มขาย ถือว่าผิดกฎหมาย เป็นสิ่งผิดประเภท ไม่ควรทำ ไม่ปลอดภัย และเป็นอันตรายได้ โดยเฉพาะกับเด็กที่อายุยังไม่ถึง 20 ปี และกฎหมายห้ามไม่ให้มีการเสพหรือสูบกัญชาในที่สาธารณะด้วย
"จากข้อมูลของสำนักอนามัย ตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย.-1 ก.ค. 65 พบว่า มีผู้ป่วยที่เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลสังกัดกรุงเทพมหานคร จากกัญชาจำนวน 27 คน อายุระหว่าง 14-20 ปี ซึ่งถือว่าอายุไม่มาก และตามกฎหมายก็ห้ามใช้ในเด็กที่ต่ำกว่า 20 ปี" นายจักกพันธุ์ กล่าว