พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวระหว่างเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.ชุดใหญ่ถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั่วโลกในขณะนี้ พบผู้ติดเชื้อโควิดโอมิครอนสายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 มากขึ้น โดยเฉพาะในยุโรปและสหรัฐอเมริกา อาจจะทดแทนสายพันธุ์เดิม อย่างไรก็ดี แม้ยังไม่มีข้อมูลว่าสายพันธุ์ดังกล่าวมีการแพร่เชื้อที่รุนแรงมากกว่าสายพันธุ์เดิมอย่างไร แต่การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นจะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันได้
ส่วนการแพร่ระบาดในประเทศไทย มีแนวโน้มผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจากการผ่อนคลายมาตรการที่ผ่านมา ซึ่งอาจจะทำให้พบการติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศเพิ่มขึ้น โดยพบผู้ติดเชื้อมีอาการเล็กน้อยและรักษาตัวที่บ้านมากขึ้น แต่ผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาพยาบาลเพิ่มขึ้นไม่มากนัก
ดังนั้นขอให้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ติดตามผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง รวมทั้งสุ่มตรวจและติดตามการกลายพันธุ์โดยเฉพาะสายพันธุ์โอมิครอน BA.4 และ BA.5 เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์ และกำหนดมาตรการต่อไป พร้อมขอให้รายงานความคืบหน้าการพัฒนาวัคซีน รวมทั้งติดตามการผ่อนคลายกิจกรรม เพื่อช่วยขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ เพราะหากคำนึงถึงสาธารณสุขเพียงด้านเดียว ด้านอื่นจะไปต่อไม่ได้ ขณะเดียวกัน กำชับให้เข้มงวดมาตรการ Universal prevention และเร่งรัดการวัคซีนเข็มกระตุ้นให้มากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานผลการติดตามการแพร่ระบาดในช่วงที่ผ่านมา ระบุว่า จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยโควิด-19 จากสายพันธุ์โอมิครอน BA.4 และ BA.5 โดย WHO แสดงความกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของพันธุกรรมโควิด-19 เพราะหลายประเทศผ่อนคลายมาตรการเฝ้าระวังและควบคุมโรค ซึ่งอาจจะทำให้การติดตามสถานการณ์สายพันธุ์ใหม่ยากยิ่งขึ้น และขอร้องให้ประเทศต่างๆ สร้างภูมิคุ้มกันกับประชาชน เพื่อลดอาการรุนแรงและการเสียชีวิตหากติดเชื้อ โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ผู้สูงอายุ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข