น.ส.นพวรรณ หัวใจมั่น โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมายังพบแนวโน้มปัญหามิจฉาชีพแอบอ้างนำชื่อและรูปภาพคนอื่นไปสร้างบัญชีโซเชียลปลอม ทั้งเฟซบุ๊ก เพจปลอม ไลน์ปลอม และไอจี เพื่อนำไปหลอกลวงในรูปแบบต่างๆ สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนสูญเสียทรัพย์สินเงินทองและชื่อเสียง โดยเฉพาะยิ่งหากผู้ถูกแอบอ้างชื่อและโปรไฟล์เป็นดาราหรือคนมีชื่อเสียง ความเสียหายก็จะยิ่งขยายวงกว้าง เนื่องจากมักมีแฟนคลับหรือผู้ติดตามจำนวนมาก โอกาสที่จะมีเหยี่อหลงเชื่อก็ยิ่งเพิ่มจำนวนเช่นกัน ขณะที่เจ้าตัวก็เสี่ยงต่อการสูญเสียชื่อเสียง
สำหรับรูปแบบการหลอกลวงที่พบบ่อยจากบัญชีโซเชียลสวมรอยเหล่านี้ ได้แก่ หลอกยืมเงิน หลอกขายของ หลอกลงทุน หลอกร่วมทุน โดยเหยื่อที่หลงเชื่อจะสูญเงินโดยไม่ได้รับสินค้าหรือผลตอบแทนใดๆ นอกจากนี้ยังมีการหลอกลวงในรูปแบบหลอกให้หลงรัก (Romance Scam) แล้วหลอกเงินเหยื่อผ่านทางออนไลน์ ขณะที่บางกรณีจะเป็นการแอบอ้างตัวตนคนดังสร้างเฟซบุ๊กปลอมเพื่อใช้เป็นพื้นที่โพสต์เนื้อหา หรือแสดงความคิดเห็นเพื่อหมิ่นประมาทผู้อื่น เป็นต้น
โฆษกดีอีเอส กล่าวว่า ปัจจุบันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหานี้ รวมถึงอำนวยความสะดวกให้ผู้เสียหายซึ่งถูกแอบอ้างชื่อไปสร้างบัญชีโซเชียลปลอม เข้าถึงช่องทางความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว เพื่อเร่งยุติการขยายวงของความเสียหาย เร่งประสานงานเพื่อปิดบัญชีปลอม และติดตามมิจฉาชีพมาดำเนินคดี
อย่างไรก็ตาม ประเด็นสำคัญคือ ขอให้ผู้ที่ถูกแอบอ้างตั้งสติ และดำเนินการผ่าน 3 ช่องทางดังต่อไปนี้ประกอบกัน เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการประสานการปิดบัญชีโซเชียลที่แอบอ้าง ได้แก่ 1.แจ้งรายงานไปที่แพลตฟอร์มโซเชียล โดยการรายงานไปยังเว็บไซต์ผู้ให้บริการที่ถูกแอบอ้าง ซึ่งทั้งเฟซบุ๊ก ไลน์ และไอจี มีเมนูให้รายงานบัญชีปลอมโดยตรงอยู่แล้ว จากนั้นรอขั้นตอนการตรวจสอบของทางแพลตฟอร์ม 2.ช่องทางของกระทรวงดิจิทัลฯ ที่สายด่วน โทร.1212 OCC ศูนย์ช่วยเหลือและจัดการปัญหาออนไลน์ ของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) ในสังกัดดีอีเอสและช่องทางอื่นๆ ภายใต้การดูแลของกระทรวงฯ และ 3.แจ้งตำรวจ ทั้งการไปแจ้งความที่สถานีตำรวจท้องที่ หรือกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) โดยให้รวบรวมหลักฐานไว้ เช่น จับภาพหน้าจอสนทนา หรือหน้ารูปโปรไฟล์ที่ถูกปลอมขึ้นมา
นอกจากนี้ยังสามารถแจ้งความออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมงผ่านเว็บไซต์ https://thaipoliceonline.com ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) โดยต้องลงทะเบียนจะต้องกรอกข้อมูลบัตรประชาชนเพื่อยืนยันตัวตนด้วย ก่อนกรอกข้อมูลอื่นๆ ตามขั้นตอน ที่สำคัญคื่อข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับคดี ทั้งข้อมูลส่วนตัวของผู้แจ้งและข้อมูลเกี่ยวกับผู้ต้องหาเท่าที่ทราบได้แก่ ชื่อ นามแฝง เลขบัตรประชาชน หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขบัญชีธนาคารที่ใช้ในการทำธุรกรรมช่องทางติดต่ออื่นๆ เช่น ไลน์, เฟซบุก, อินสตราแกรม, ทวิตเตอร์ เป็นต้น รวมถึงรูปแบบคำโฆษณาของมิจฉาชีพ เพื่อใช้ในการเชื่อมโยงข้อมูลคดีอื่นๆ ที่เคยแจ้งมาก่อน และจะเป็นประโยชน์ต่อการสืบหาคนร้ายที่ทำในรูปแบบขบวนการ
ที่ผ่านมากระทรวงฯ ได้เร่งประสานกับแพลตฟอร์มต่างๆ อย่างเช่น เฟซบุ๊ก เพื่อทำการปิดเฟซปลอม/ปิดกั้นเพจปลอม ภายหลังได้รับการแจ้งจากประชาชน ตลอดจนประสานการทำงานกับทางตำรวจ ในการช่วยรวบรวมและส่งมอบหลักฐานต่าง ที่เกิดขึ้นบนช่องทางโซเชียล/ออนไลน์ เพื่อเป็นประโยชน์ในการติดตามหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีโดยเร็ว