นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า กรมควบคุมโรค โดยกองด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศและกักกันโรค รายงานการคัดกรองผู้เดินทางจากพื้นที่ระบาดของฝีดาษวานร (ฝีดาษลิง) (ข้อมูล ณ วันที่ 24 ก.ค. 65) ทำการคัดกรองทั้งหมด 2,818 ราย แบ่งเป็นผู้เดินทางจากโซนยุโรป จำนวน 2,548 ราย ผู้เดินทางจากแอฟริกา จำนวน 270 ราย พร้อมแจกบัตรคำเตือนสุขภาพ
ทั้งนี้ จากการคัดกรองพบผู้โดยสาร มีอาการสงสัย 1 ราย เป็นชาวเวียดนาม อายุ 27 ปี มีประวัติเดินทางไปประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม และมีผื่นที่แขน 2 ข้าง จากการซักประวัติเบื้องต้น และได้รับการตรวจร่างกายโดยแพทย์เวชศาสตร์การท่องเที่ยว ผู้โดยสารให้ข้อมูลว่า ตุ่มที่แขนทั้ง 2 ข้างเป็นมาตั้งแต่เกิด อาการทั่วไปไม่มีไข้ ไม่เจ็บคอ ไม่มีประวัติสัมผัสผู้ป่วยยืนยัน จึงสรุปได้ว่าไม่เข้าเกณฑ์ป่วยฝีดาษลิง
สำหรับความคืบหน้าผลการตรวจ PCR ในผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยฝีดาษลิงชาวไนจีเรีย ที่พบใน จ.ภูเก็ต ทั้ง 19 รายนั้น ผลตรวจเป็นลบทั้งหมด
"กรมควบคุมโรค ได้วางระบบเฝ้าระวังคัดกรองไว้อย่างรัดกุม โดยประสานความร่วมมือกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจคัดกรองนักท่องเที่ยวที่มาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง หากผู้เดินทางมีอาการสงสัย สามารถเข้าตรวจโรคได้ทันที ซึ่งกองด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศและกักกันโรค ได้วางระบบเฝ้าระวังคัดกรองฝีดาษลิงไว้ 2 จุดคือหน้าประตูผู้โดยสารขาเข้า และตรงด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ และขณะนี้กำลังขยายการดำเนินมาตรการคัดกรองไปยังท่าอากาศยานนานาชาติแห่งอื่นในประเทศไทย" นพ.โอภาส กล่าว
นพ.โอภาส กล่าวเน้นย้ำว่า โรคฝีดาษลิงไม่ได้ติดต่อง่ายเหมือนโรคโควิด-19 ฝีดาษลิงสามารถติดต่อได้จากการสัมผัสกับผู้ป่วยแบบใกล้ชิดมากๆ จึงขอให้ประชาชนเคร่งครัดมาตรการ Universal Prevention (UP) ล้างมือด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์เจลบ่อยๆ สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง จะสามารถป้องกันได้ทั้งฝีดาษลิงและโรคโควิด-19