น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดปริมาณยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ประเภท 2 หรือประเภท 5 หรือวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1 หรือประเภท 2 ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดปริมาณยาเสพติดเพื่อใช้ประกอบการพิจารณาให้โอกาสแก่ผู้เสพยาเสพติดที่ครอบครองยาเสพติด หรือวัตถุออกฤทธิ์ไว้เพื่อการเสพ โดยไม่ถือเป็นโทษความผิดร้ายแรง และพิจารณาให้รับการบำบัดรักษาแทนการรับโทษจำคุก
"ครม.อนุมัติหลักการกำหนดปริมาณยาเสพติดในแต่ละชนิด ถ้าไม่เกินปริมาณดังกล่าว ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่ามีไว้ครอบครองเพื่อเสพ ไม่ถือเป็นโทษความผิดร้ายแรง เข้ารับการบำบัดรักษาได้ เพราะถือว่าผู้เสพเป็นผู้ป่วย" น.ส.ไตรศุลี กล่าว
สำหรับรายละเอียดการกำหนดปริมาณยาเสพติดที่ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อการเสพ ได้แก่
- ยาเสพติดให้โทษ ประเภทที่ 1 เช่น เฮโรอีน น้ำหนักสุทธิไม่เกิน 300 มิลลิกรัม, เมทแอมเฟตามีน ปริมาณไม่ถึง 15 หน่วยการใช้ หรือมีน้ำหนักสุทธิไม่ถึง 1.5 กรัม หรือคำนวณเป็นน้ำหนักสารบริสุทธิ์ไม่ถึง 375 มิลลิกรัม, แอมเฟตามีนหรือ ยาบ้า ปริมาณไม่ถึง 15 หน่วยการใช้ หรือมีน้ำหนักสุทธิ ไม่ถึง 1.5 กรัม
- ยาเสพติดให้โทษ ประเภท 2 เช่น โคคาอีน น้ำหนักสุทธิไม่เกิน 600 มิลลิกรัม, ฝิ่นยา น้ำหนักสุทธิไม่เกิน 15 กรัม และยาเสพติดให้โทษประเภท 5 น้ำหนักสุทธิไม่เกิน 135 กรัม
- วัตถุออกฤทธิ์ ประเภท 1 เช่น คาทิโนน คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ไม่เกิน 0.5 กรัม, ไซโลซีน ไม่เกิน 0.1 กรัม, ไซโลไซบีน ไม่เกิน 0.1 กรัม
- วัตถุออกฤทธิ์ ประเภท 2 เช่น คีตามีน คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ไม่เกิน 0.5 กรัม ซูโดอีเฟดรีน ไม่เกิน 5 กรัม และไนตราซีแพม ไม่เกิน 0.3 กรัม