นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ติดตามผลกระทบจากพายุมู่หลานที่ทำให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่รวม 11 จังหวัด 30 อำเภอ 77 ตำบล 410 หมู่บ้าน และยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ พะเยา น่าน และพิษณุโลก รวม 25 อำเภอ 70 ตำบล 391 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 1,885 ครัวเรือน แต่ไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต โดยนายกรัฐมนตรีสั่งการกระทรวงมหาดไทย ประสานจังหวัดที่ประสบภัย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) หน่วยทหาร และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ให้การช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนและผลกระทบต่อประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ยากต่อการสัญจรเข้าถึงและผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ให้เร่งช่วยเหลือออกมาอยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัยโดยเร็วที่สุด
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังขอให้ผู้ที่อาศัยในพื้นที่บริเวณริมน้ำโขง จ.เลย หนองคาย บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด หลังมีรายงานจาก กอนช.ว่า ผู้ที่อาศัยในพื้นที่บริเวณดังกล่าว อาจได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำในแม่น้ำโขงเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันในช่วงวันที่ 14-18 ส.ค.65
ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมขังในพื้นที่จังหวัดเชียงรายและน่าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ได้สั่งการให้ ปภ.จังหวัดเร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว และยังได้กำชับให้ ปภ.ประสานจังหวัดและหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องในการแจ้งเตือนภัย การเผชิญเหตุ การอพยพ และการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบภาวะฝนตกหนักอย่างเต็มกำลัง เน้นดูแลด้านการดำรงชีพและความปลอดภัยของประชาชน
"นายกรัฐมนตรีขอให้ระมัดระวังเรื่องกระแสไฟฟ้า โดยเฉพาะในพื้นที่น้ำท่วมขัง หวั่นจะเกิดอันตรายต่อพี่น้องประชาชน และกำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายระดมกำลังเข้าให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัย ไม่ให้มีการตกค้าง พร้อมฝากความห่วงใยและกำลังใจมาถึงพี่น้องประชาชนผู้ประสบอุทกภัยทุกคน และกำชับให้เจ้าหน้าที่ภาครัฐ เร่งสำรวจประเมินความเสียหาย ในพื้นที่หลังสถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้ว เพื่อช่วยเหลือเยียวยาประชาชนตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ อย่างเร่งด่วนต่อไป" นายธนกร กล่าว