น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบรายงานผลการสำรวจความเดือดร้อนและความต้องการของประชาชนในหมู่บ้าน/ชุมชน พ.ศ.2565 โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) ได้จัดเก็บข้อมูลจากผู้นำหมู่บ้าน/ชุมชน ระหว่างวันที่ 15 ก.พ.-15 มี.ค. 65 ซึ่ง 5 อันดับแรกของปัญหาความเดือดร้อน คือ ผลผลิตทางการเกษตรราคาตกต่ำ 42.7%, รายได้ไม่พอกับรายจ่าย 26.8%, ว่างงาน/ตกงาน 23.9%, สินค้าราคาแพง 23.3% และค่าครองชีพสูง 15.8%
สำหรับผลสำรวจด้านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่มีประโยชน์ต่อคนในหมู่บ้านมากที่สุด คือ โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 97.6% รองลงมาเป็นโครงการคนละครึ่ง 96.5%, โครงการม.33 เรารักกัน 74.8%, โครงการเราเที่ยวด้วยกัน 38.3%, โครงการยิ่งใช้ ยิ่งได้ 31.1%, ทัวร์เที่ยวไทย 31% และช้อปดีมีคืน 30.1%
ส่วนผลสำรวจแนวทางและมาตรการป้องกันให้ปลอดภัยจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ได้มากที่สุด 5 อันดับแรก คือ ฉีดวัคซีนเข็มแรก 81.4%, ปฏิบัติตัวตามมาตรการของสาธารณสุข 80.3%, ขอความร่วมมือประชาชนงดเดินทางหากไม่จำเป็น 61.7%, ปิดสถานบริการ/ร้านค้าที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 40% และแจก Antigen Test Kit (ATK) ให้ทุกครัวเรือน 38%
ขณะเดียวกัน สำนักงานสถิติแห่งชาติ ได้มีข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่สำคัญ เช่น ควรส่งเสริมและสนับสนุนให้เกษตรกรทำการเกษตรแบบผสมผสานตามแนวพระราชดำริ เพื่อให้สามารถพึ่งตนเองได้, ควรมีการสนับสนุนวิธีการแก้ปัญหาการขาดแคลนแหล่งน้ำในพื้นที่การเกษตร เช่น การทำฝนเทียม ขุดลอกหนอง บึง สระเก็บน้ำ และอุโมงค์ผันน้ำ, ควรส่งเสริมและสนับสนุนประชาชนในพื้นที่ขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภค ให้รู้ถึงวิธีการนำน้ำที่ใช้แล้วกลับมาใช้ประโยชน์อย่างรู้คุณค่า, ควรส่งเสริมและสนับสนุนให้เกษตรกรใช้เทคโนโลยี เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัย และควรมีการติดตาม ตรวจสอบ และแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชนในระดับพื้นที่ได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึงครอบคลุมทุกพื้นที่