พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีเกิดเหตุระเบิดหลายจุด ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมสถานการณ์ไว้ได้แล้ว โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังเที่ยงคืนของวันพุธที่ 17 ส.ค. ในหลายพื้นที่ของ จ.ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส รวม 17 จุด โดยทางเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุมีคนร้ายไม่ทราบชื่อและไม่ทราบจำนวน ได้ลักลอบวางระเบิดภายในสถานีบริการน้ำมันและร้านสะดวกซื้อ ทำให้เกิดเพลิงไหม้ทรัพย์สินได้รับความเสียหายหลายจุด ประกอบด้วย พื้นที่จังหวัดปัตตานี 2 จุด (อ.หนองจิก อ.ทุ่งยางแดง) จังหวัดยะลา 6 จุด (อ.เมือง อ.บันนังสตา อ.รามัน อ.ยะหา) จังหวัดนราธิวาส 9 จุด (อ.บาเจาะ อ.เจาะไอร้อง อ.ศรีสาคร อ.สุไหงโก-ลก อ.จะแนะ อ.รือเสาะ)
ทั้งนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้กำชับสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยที่เกี่ยวข้องร่วมปฎิบัติหน้าที่ร่วมกับหน่วยงานความมั่นคง เร่งทำการสืบสวนสอบสวนหาข่าวเชิงรุก เพื่อเป็นการป้องกันเหตุ และเร่งหาตัวผู้กระทำความผิดอย่างเต็มที่ รวมถึงการใช้หลักนิติวิทยาศาสตร์ในการเข้าตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ การเก็บวัตถุพยานในสถานที่เกิดเหตุ และการตรวจพิสูจน์หลักฐาน ซึ่งในการสอบสวนยังไม่ตัดประเด็นมูลเหตุจูงใจใดๆ และกำชับให้เจ้าหน้าที่ระมัดระวังในการเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยให้มุ่งเน้นความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่และประชาชนในพื้นที่เป็นหลัก
ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ โดยพนักงานสอบสวน เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เจ้าหน้าที่ EOD และเจ้าหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้อง จะได้ร่วมกันทำการตรวจสอบ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง และตรวจสอบความเสียหายที่เกิดขึ้น รวมถึงเร่งรัดพิสูจน์ทราบกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุ เพื่อติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
อย่างไรก็ตาม ขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนใช้ความระมัดระวังในการเดินทางไปยังพื้นที่ดังกล่าว รวมถึงคอยเป็นหูเป็นตาในการจดจำบุคคล และคอยสังเกตวัตถุต้องสงสัยที่ถูกวางทิ้งไว้ในสถานที่ต่างๆ รวมถึงขอความร่วมมือประชาชน แจ้งเบาะแสผู้ก่อเหตุในครั้งนี้ หากพบเบาะแสใดๆ สามารถแจ้ง Call Center สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลขโทรศัพท์ 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
อนึ่ง เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 23.50 น. ของคืนวันที่ 16 ส.ค. โดยศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 191 ภ.จว.ยะลา ได้รับแจ้งวัตถุต้องสงสัย เป็นกระเป๋าสีดำวางอยู่ภายในร้านสะดวกซื้อ 7-11 สาขาปั้มน้ำมันยะหา จ.ยะลา ได้มีการประสาน เจ้าหน้าที่ สภ.ยะหา ตำรวจ และฝ่ายปกครอง เข้าตรวจสอบพฤติการณ์ผู้ต้องสงสัยแต่งกายปกปิดใบหน้า สวมฮีญาบ(ผ้าคลุม) นำวัตถุระเบิดวางบริเวณหน้า 7-11 และมินิ Big c คาดว่าจะทยอยวางทุกพื้นที่ในจังหวัดยะลา
ต่อมาในเวลา 00.00 น. คนร้ายลอบระเบิดและเกิดไฟไหม้ร้านสะดวกซื้อ มินิ Big c และ 7-11 ในพื้นที่ อ.เมืองยะลา (บ้านเนียง) อ.ยะหา อ.บันนังสตา เวลาประมาณ 00.01 น. คนร้ายไม่ทราบชื่อ จำนวน 4 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ 2 คัน โยนระเบิดเพลิงใส่หน้าร้านสะดวกซื้อ 7-11 ริมถนน 410 (ยะลา - เบตง) หมู่ที่ 2 ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา จ.ยะลา เป็นเหตุให้ เพลิงลุกไหม้ได้รับความเสียหายเล็กน้อย รถดับเพลิงของ อบต.บันนังสตา ดับเพลิงไว้ได้ และตั้งแต่เวลา 01.00 น. ร้านสะดวกซื้อ 7-11 ในตัวเมืองยะลา ได้สั่งปิดทุกสาขาแล้ว
ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม รับทราบรายงานสถานการณ์เหตุระเบิดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถจับผู้ต้องสงสัยได้แล้ว
นายกรัฐมนตรี ประณามผู้ก่อเหตุ พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่ให้เร่งสอบสวนหาสาเหตุ และแรงจูงใจการก่อเหตุ พร้อมให้ขยายผลไปยังผู้ร่วมก่อเหตุ และยังฝากความห่วงใยไปยังเจ้าหน้าที่และทุกภาคส่วน ย้ำให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความความระมัดระวัง ที่สำคัญต้องดูแลรักษาความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ ตลอดจนเพิ่มความเข้มงวดมากขึ้น
"นายกรัฐมนตรี ประณามการกระทำดังกล่าว เป็นการกระทำที่อุกอาจ จงใจสร้างความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน เจาะจงเลือกร้านสะดวกซื้อ ซึ่งเป็นสถานที่มีผู้คนจำนวนมากมากซื้อของ โดยได้สั่งการไปยังฝ่ายความมั่นคง ให้เร่งพิสูจน์และรวบรวมหลักฐาน ดำเนินการผู้ก่อเหตุตามกระบวนการของกฎหมายให้ถึงที่สุด" นายธนกร กล่าว