พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า ได้ชี้แจงเรื่องนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดย สมช.ได้พิจารณาใน 4-5 มิติ ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้สั่งการเป็นที่เรียบร้อยแล้วให้ดำเนินการอย่างเคร่งครัด
โดยเมื่อวานนี้ (17 ส.ค.) ได้มีการประชุมหน่วยข่าวในพื้นที่อย่างเร่งด่วน เพื่อรับฟังปัญหาและมอบหมายแนวทางที่นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลด้านความมั่นคง ได้มอบนโยบายให้ไว้ โดยสิ่งที่ต้องทำเป็นการเร่งด่วนคือ การยกระดับมาตรการป้องกันไม่ให้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นอีก เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายกับประชาชนทุกกลุ่มทุกฝ่าย และเศรษฐกิจในพื้นที่ โดย กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้ดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สำหรับสิ่งที่จะทำต่อไป คือ การสืบสวนสอบสวนให้ได้มาซึ่งผู้ก่อเหตุที่จะต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างรวดเร็ว ยุติธรรม และเป็นไปตามขั้นตอน
นอกจากนี้ ยังต้องมีการปรับระบบการทำงานที่สำคัญในเรื่องของความมั่นคง ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยสันติสุขชายแดนใต้ มาตรการในการรักษาความสงบ เดินหน้าทำความเข้าใจและสร้างการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนให้มากยิ่งขึ้น และสิ่งสำคัญอีกมิติ คือการสร้างชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ให้ดีขึ้น และพัฒนาระบบเศรษฐกิจให้ดีขึ้น
เลขาธิการ สมช. ยอมรับว่ามีงานข่าวในการก่อเหตุมาอยู่แล้ว แต่การก่อเหตุครั้งนี้มีการปรับเปลี่ยนผู้ดำเนินการ ซึ่งรายละเอียดต่างๆ ขอให้รอฟังผลการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ ซึ่งตนคาดว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุน่าจะเป็นกลุ่มเดิมที่เคยทำอยู่
ส่วนที่หลายฝ่ายมีความพยายามเชื่อมโยงกับการเมืองนั้น พล.อ.สุพจน์ ระบุว่า มีหลายมิติที่ต้องดู การแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้ การเมืองก็คือบริบทที่เกี่ยวข้องกับการเมือง เพราะฉะนั้นก็จะดำเนินการคู่ขนานกับการใช้กำลังที่ก่อเหตุรุนแรงด้วยเหตุผลใดเหตุผลหนึ่ง ซึ่งมีหลายปัจจัยที่ต้องนำมาพิจารณาร่วมกัน
พร้อมเชื่อว่า ครั้งนี้เป็นการดำเนินการกับกลุ่มเป้าหมายเปราะบางด้านเศรษฐกิจ ซึ่งพื้นที่ก่อเหตุเป็นพื้นที่ที่ประชาชนใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น ร้านสะดวกซื้อและปั๊มน้ำมัน รวมไปถึงห้างสรรพสินค้า ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในพื้นที่อย่างแน่นอน โดยรัฐบาลนั้นให้ความสำคัญและจะเร่งดำเนินการแก้ไข
ส่วนมีการประเมินหรือไม่ว่า การก่อเหตุดังกล่าวเหตุใดจึงเกิดขึ้นในช่วงปลายปี พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า เป็นจังหวะของเหตุการณ์ เพราะหากติดตามการเจรจาพูดคุยสันติสุขชายแดนใต้มีความคืบหน้า มีการพูดคุยกันบ่อยขึ้น และครอบคลุมในทุกมิติ แต่กลุ่มที่เข้ามามีส่วนร่วมของปัญหาก็จะมีความต้องการแตกต่างกันไป ซึ่งเป็นเทคนิคที่ต้องการตอบสนองของประเทศให้พื้นทึ่มีความสงบ เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกันได้ภายใต้พหุสังคมวัฒนธรรม มีเศรษฐกิจที่ดี ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี ต้องหาวิธีการผสมผสานและปรับวิธีการไปเรื่อยๆ เพื่อให้แต่ละฝ่ายบรรลุวัตถุประสงค์
ส่วนเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น จะเกี่ยวข้องกับช่วงการพิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ประจำปี 66 หรือไม่นั้น พล.อ.สุพจน์ มองว่าไม่น่าจะเกี่ยวข้อง หากดูจากแผนงานโครงการที่เข้าไปทำพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถือว่ารัฐบาลมีความตั้งใจอย่างมากที่จะทำให้ประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีคุณภาพชีวิตที่ดีมีอาชีพ มีงานทำ และมีการพัฒนาเศรษฐกิจในทุกระดับ เพื่อให้เป็นพื้นที่ที่อยู่ร่วมกันได้และมีความเจริญ
ทั้งนี้ พล.อ.สุพจน์ ปฏิเสธการตอบคำถามถึงกรณีของความมั่นคงได้มีการเตรียมการเรื่องวาระ 8 ปีของนายกรัฐมนตรีหรือไม่ เนื่องจากเรื่องดังกล่าวไม่เกี่ยวข้อง
ส่วนที่นักวิชาการออกมาระบุให้ฝ่ายความมั่นคงระวังเรื่องเหตุการณ์ความรุนแรงในช่วงการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปคนั้น พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า ตนในฐานะที่วิเคราะห์ภัยคุกคามต้องดูในทุกมิติ ทั้งภัยที่เกิดขึ้นในประเทศ และต่างประเทศ