นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เชื่อมั่นว่าด้วยศักยภาพ และความร่วมมือของทุกฝ่ายจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปคและการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้อย่างเรียบร้อย เหมาะสม และบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ รวมทั้ง ไทยพร้อมต้อนรับ รัฐมนตรีสาธารณสุขจากเขตเศรษฐกิจเอเปคเข้าร่วมการประชุม APEC Health Week
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในช่วงที่ ประเทศไทย เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปค 2565 นี้ ไทยได้รับเกียรติให้เป็น เจ้าภาพการจัดการประชุมระดับสูงเอเปคว่าด้วยสาธารณสุขและเศรษฐกิจ ครั้งที่ 12 ซึ่งจัดขึ้นภายใต้หัวข้อ "เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์กับภาคี เชื่อมโยงกันกับโลก สู่สมดุลระหว่างสาธารณสุขและเศรษฐกิจ" (Open to Partnership. Connect with the World. Balance Health and the Economy.) ซึ่งถือเป็นการจัดประชุมด้านสาธารณสุขครั้งแรกของประเทศไทย (APEC Health Week) ระหว่างวันที่ 22-26 สิงหาคม 2565 ที่โรงแรมมิลเลนเนียม ฮิลตัน กรุงเทพฯ
โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมระดับรัฐมนตรีสาธารณสุขจากเขตเศรษฐกิจเอเปค เข้าร่วมทั้งในรูปแบบ On-site และ Online รวมถึงมีผู้นำระดับสูงของหน่วยงานระหว่างประเทศ ได้แก่ เลขาธิการอาเซียน, ผู้อำนวยการบริหารสำนักงานเลขาธิการเอเปค และมีข้าราชการระดับสูงและภาคเอกชนเข้าร่วมประชุมอีกกว่า 150 คน
ซึ่งในโอกาสนี้ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า การประชุมนี้จะเป็นโอกาสให้ไทยนำเสนอศักยภาพด้านการแพทย์และสาธารณสุข ซึ่งมีมาตรฐานได้รับการยอมรับ ต่อยอดในการขับเคลื่อนประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางด้านสุขภาพ (Medical Hub) นำเสนอจุดเด่นของไทย อาทิ การให้บริการทางการแพทย์ที่มีศักยภาพสูง มีชื่อเสียงและดึงดูดชาวต่างชาติ (Magnets) การท่องเที่ยวทางการแพทย์ เช่น การนวดรักษา การนวดกดจุด สปา รวมถึงการนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงเพื่อการดูแลสุขภาพ (High Products Hub) เป็นต้น
"นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นในความร่วมมือและศักยภาพของไทยจะสามารถจัดงานได้อย่างเรียบร้อยสมเกียรติ ได้รับการยอมรับ โดยเชื่อว่าการเป็นเจ้าภาพ APEC Health Week 2022 ของไทยในช่วงเวลาที่โลกกำลังเผชิญกับความท้าทายหลายประการนี้ จะเป็นโอกาสให้ที่ประชุมได้นำเสนอแนวทางการขับเคลื่อนด้านการแพทย์และการสาธารณสุขในรูปแบบเทคโนโลยีและนวัตกรรม ที่ก้าวหน้าทันสมัย เพื่อทุกฝ่ายจะได้ร่วมกันสร้างความสมดุลระหว่างสาธารณสุขและเศรษฐกิจ เดินหน้าฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ยั่งยืน และครอบคลุม" นายอนุชาฯ กล่าว