นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน ในฐานะโฆษกกรมชลประทาน เปิดเผยว่า บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนาแน่น ส่งผลทำให้มีปริมาณน้ำไหลหลากจากพื้นที่ตอนบนของลุ่มน้ำเจ้าพระยา ไหลลงเหนือเขื่อนเจ้าพระยาในอัตราเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยกรมชลประทาน ได้ปรับเพิ่มการระบายน้ำไม่เกิน 2,000 ลบ.ม./วินาที แบบขั้นบันได พร้อมทั้งบริหารจัดการน้ำและควบคุมปริมาณการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาให้อยู่ในเกณฑ์ดังกล่าวอย่างเต็มศักยภาพของพื้นที่ เพื่อลดผลกระทบต่อพื้นที่ชุมชนและพื้นที่การเกษตร โดยปรับเพิ่มปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาตั้งแต่วันที่ 4 กันยายน 2565 ในอัตรา 1,800 - 2,000 ลบ.ม./วินาที ซึ่งจะส่งผลให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนเพิ่มสูงขึ้น บริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ
- คลองโผงเผง จ.อ่างทอง
- คลองบางบาล และ ต.หัวเวียง อ.เสนา ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา (แม่น้ำน้อย)
และอาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชุมชน ระดับน้ำบริเวณพื้นที่ดังกล่าวจะเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบัน 0.40 - 0.50 เมตร ในช่วงวันที่ 5 - 6 กันยายน 2565 ทั้งนี้ หากมีปริมาณน้ำเหนือเพิ่มขึ้น ที่จะส่งผลให้ มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยามากกว่า 2,000 ลบ.ม./วินาทีแจ้งให้ทราบต่อไป
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน ได้แจ้งเตือน 11 จังหวัดในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ได้แก่ จังหวัดอุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ และ กรุงเทพมหานคร รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำน้อย เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
สำหรับสถานการณ์น้ำวานนี้ (31 ส.ค. 65) เวลา 06.00 น. ตรวจวัดปริมาณน้ำไหลผ่านสถานีวัดน้ำ C.2 จ.นครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,846 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.)/วินาที สมทบกับแม่น้ำสะแกกรังผ่านสถานีวัดน้ำ Ct.19 จ.อุทัยธานี วัดได้ 103 ลบ.ม./วินาที ระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา อยู่ที่ระดับ +15.89 ม.รทก. ระดับท้าย +13.46 ม.รทก.