นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้กรมชลประทานเฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด รวมทั้งเดินหน้าบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ บรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชนให้ได้มากที่สุด พร้อมกันนี้ ได้กำชับให้โครงการชลประทานทั่วประเทศ เฝ้าระวังและเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ฝนในช่วงเดือนกันยายน 2565 นี้ ตามการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยาที่ระบุว่า บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีปริมาณฝนรวมสูงกว่าค่าปกติ และให้จัดเจ้าหน้าที่ พร้อมเครื่องจักร เครื่องมือ เครื่องสูบน้ำ และเครื่องผลักดัน ประจำจุดพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมขัง ให้สามารถพร้อมใช้งานได้ทันที
นอกจากนั้น ยังได้เน้นย้ำให้มีการตรวจสอบความพร้อมของอาคารชลประทานและพนังกันน้ำให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานได้อย่างเต็มศักยภาพ ตามมาตรการรับมือฤดูฝนปี 65 ที่กองอำนวยการน้ำแห่งชาติกำหนด พร้อมบริหารจัดการน้ำในอ่างฯ ให้อยู่ในเกณฑ์ควบคุม โดยพิจารณาปรับการระบายน้ำให้เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ และหมั่นกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มประสิทธิการระบายน้ำ รวมทั้งบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ให้รับทราบล่วงหน้า เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนให้น้อยที่สุด
ด้านนายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ปัจจุบัน (8 ก.ย.65) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกัน 49,320 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 65 ของความจุอ่างฯ ยังสามารถรับน้ำได้อีก 26,769 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกัน 13,643 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 55 ของความจุอ่างฯ สามารถรับน้ำได้อีก 11,228 ล้าน ลบ.ม.
ทั้งนี้ กรมชลประทาน ได้พิจารณาปรับลด-เพิ่มการระบายน้ำให้เหมาะสมในแต่ละพื้นที่ โดยเฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ยังคงเดินหน้าเร่งระบายน้ำออกสู่ทะเลอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับปริมาณน้ำจากทางตอนบนที่จะไหลลงมาอีกในระยะต่อไป พร้อมเร่งเดินหน้าช่วยเหลือพื้นที่ประสบปัญหาน้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง