พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สภ.ไม้แก่น ออกปฎิบัติหน้าที่บริเวณถนนสายไม้แก่น-ต้นไทร อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี เมื่อช่วงเวลาประมาณ 19.40 น. ของวันที่ 20 ก.ย.65 เบื้องต้นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต 1 นาย ได้รับบาดเจ็บ 4 นาย
โดยหลังจากเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้แล้ว พนักงานสอบสวน เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เจ้าหน้าที่ EOD และเจ้าหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้องจะร่วมกันเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ เพื่อทำการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด ทำการพิสูจน์ทราบหาตัวคนร้ายเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขอแสดงความเสียใจต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากการปฎิบัติหน้าที่ พร้อมได้กำชับสั่งการให้ผู้บังคับบัญชาต้นสังกัด ดูแลสิทธิประโยชน์และสวัสดิการที่เกี่ยวข้องให้เป็นอย่างดี
ในส่วนของความเสียหายจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียดที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป พร้อมขอให้ประชาชนใช้ความระมัดระวังในการเดินทางไปยังพื้นที่ดังกล่าว รวมถึงคอยเป็นหูเป็นตาในการจดจำบุคคล และคอยสังเกตวัตถุต้องสงสัยที่อาจถูกวางทิ้งไว้ในสถานที่ต่างๆ รวมถึงขอความร่วมมือประชาชนแจ้งเบาะแสผู้ก่อเหตุในครั้งนี้
พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี แสดงความเสียใจกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เสียชีวิตและบาดเจ็บ จากเหตุการลอบวางระเบิดจากกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ บริเวณหน้าโรงพยาบาลไม้แก่น อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี ขณะออกปฏิบัติหน้าที่ออกตรวจตราดูแลความปลอดภัยของประชาชนยามค่ำคืนที่ผ่านมา โดยขอให้ กอ.รมน.ภาค 4 (ส่วนหน้า) และ ตร. เข้าไปช่วยดูแลผู้ได้รับบาดเจ็บเข้ารับการรักษาให้ดีที่สุด และช่วยเหลือประกอบพิธีทางศาสนากำลังพลที่เสียชีวิตอย่างสมเกียรติและดูแลครอบครัวผู้เสียชีวิตต่อเนื่องกันไป
พร้อมกันนี้ พล.อ.ประวิตร ยังได้กำชับให้ตำรวจเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุและเร่งติดตามบังคับใช้กฎหมายนำผู้กระทำผิดมาลงโทษโดยเร็ว โดยกำชับขอให้ใช้ความอดทน ระมัดระวัง รอบคอบไม่ประมาท ให้ความสำคัญงานข่าวและทำงานเชิงรุกร่วมกันมากขึ้น
ทั้งนี้ให้เพิ่มความเข้มข้นมาตรการดูแลความปลอดภัยสถานที่สาธารณะสำคัญๆที่ชุมชมต้องใช้ประโยชน์ เพื่อดูแลความปลอดภัยในประชาชนทุกคนสามารถใช้ชีวิตโดยปกติได้
พร้อมย้ำนโยบายรัฐบาลยังยืนหยัดแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยสันติวิธี ส่งเสริมการอยู่ร่วมกันทางศาสนาโดยไม่เลือกปฏิบัติ และพัฒนายกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนโดยมีส่วนร่วมไปพร้อมกัน