สธ. เร่งติดตามเฝ้าระวังอันตรายจากสารเคมีรั่วไหล-คัดกรองผู้ได้รับผลกระทบ

ข่าวทั่วไป Thursday September 22, 2022 16:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นพ. อภิชาติ วชิรพันธ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีมีรายงานข่าวสารเคมีรั่วในโรงงานย่านพุทธมณฑลสาย 7 จังหวัดนครปฐม ช่วงเช้าวันที่ 22 ก.ย. 65 ทำให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ตำบลศาลายา จังหวัดนครปฐม ได้รับผลกระทบต่อสุขภาพ

กรมควบคุมโรค ได้สั่งการไปยังหน่วยงานในสังกัดทั้งในส่วนกลาง ได้แก่ กองโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม ให้ติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์ของสารเคมีรั่วไหลอย่างต่อเนื่อง พร้อมทีมลงพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานในส่วนภูมิภาค ได้แก่ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5 จ.ราชบุรี ให้ลงพื้นที่คัดกรองสุขภาพผู้ที่ได้รับผลกระทบในรัศมีที่เกี่ยวข้อง

สำหรับสารเคมีที่รั่วไหล คาดการณ์ว่าน่าเป็นสาร Biphenyl และ Diphenyl oxide ซึ่งเป็นสารเคมีที่มีลักษณะก่อผลึกใสไม่มีสี จะทำให้เกิดการระคายเคืองตา ผิวหนัง และระบบทางเดินหายใจ หากได้รับสาร Biphenyl หรือสัมผัสเป็นเวลานานอาจส่งผลกระทบต่อตับ และระบบประสาท

ทั้งนี้ สารพิษอาจส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่มีความเสี่ยงป่วยจาก 3 กลุ่มโรค ดังนี้ 1. กลุ่มโรคระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ อาเจียน คลื่นไส้ 2. กลุ่มโรคผิวหนังอักเสบ เช่น อาการคันตามร่างกาย มีผื่นแดงตามร่างกาย และ 3. กลุ่มโรคตาอักเสบ เช่น อาการแสบหรือคันตา ตาแดง

ในส่วนของประชาชนกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ กลุ่มเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคปอด หอบหืด ภูมิแพ้ เป็นต้น หากได้รับสารพิษเข้าสู่ร่างกาย อาจทำให้เกิดการเจ็บป่วย หรือมีผลกระทบต่อสุขภาพที่รุนแรงมากกว่าประชาชนทั่วไป

ด้าน พญ.หรรษา รักษาคม ผู้อำนวยการกองโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า หลักการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อสัมผัสกับสารเคมี ดังนี้ 1. หากโดนผิวหนัง ให้ล้างบริเวณที่ถูกสารเคมีโดยใช้น้ำสะอาดล้างให้มากที่สุดเพื่อให้เจือจาง ถ้าสารเคมีถูกเสื้อผ้าให้ถอดเสื้อผ้าออกก่อน 2. หากเข้าตาให้ล้างตาด้วยน้ำสะอาดอย่างน้อย 15 นาที แล้วรีบนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว และ 3. หากสูดดมสารพิษเข้าไป ให้ย้ายผู้ป่วยไปที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์หรือมีอากาศถ่ายเท และทำการประเมินการหายใจ

ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ สวมใส่หน้ากากป้องกันสารเคมีที่มีชั้นกรองคาร์บอน และติดตามข้อมูลข่าวสารจากหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมความพร้อมอยู่เสมอหากมีการประกาศอพยพเพิ่มเติม อย่างไรก็ดี ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทำการควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว โดยกรมควบคุมโรคได้ประสานกับหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อคัดกรองสุขภาพประชาชนในพื้นที่ และวางแผนติดตามผลการประเมินสุขภาพอย่างใกล้ชิดต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ