น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุสารเคมีรั่วไหล จากโรงงานในบริเวณพื้นที่ ต.ขุนแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เนื่องจากกลิ่นสารเคมีได้กระจายในวงกว้างทั้งในพื้นที่ และรอยต่อกรุงเทพฯ โดยขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง อยู่ระหว่างการตรวจสอบประเภทสารเคมี
อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นขอให้ประชาชนปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของทางการ คือ ให้หลีกเลี่ยงการออกนอกอาคาร ไม่อยู่ในที่โล่งแจ้ง สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา เพื่อป้องกันระบบทางเดินหายใจ เนื่องจากโรงงานนี้เป็นโรงงานประเภทฟอกย้อมมี copper sulfate หรือสารประกอบที่มีผลทำให้ระคายเคืองระบบทางเดินหายใจ หรือหากมีการรวมตัวกับน้ำเกิดเป็นกรดแล้วหายใจไอกรดเข้าไปจะเป็นอันตรายเช่นกัน ทั้งนี้ หากประชาชนมีอาการผิดปกติทางร่างกาย ควรรีบพบแพทย์เพื่อประเมินอาการ
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า รองนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้หน่วยงานเกี่ยวข้อง ทั้งกรมควบคุมมลพิษ กรมโรงงานอุตสาหกรรม ประสานงานกับผู้ประกอบการ และหน่วยงานท้องถิ่นในการดูแลแก้ไขปัญหาให้เข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว และให้ตรวจสอบอย่างเข้มงวดว่าเหตุที่เกิดขึ้นดังกล่าวมาจากข้อบกพร่องของระบบหรือของผู้ปฏิบัติงาน โดยให้ดำเนินการตามข้อกฎหมายอย่างเคร่งครัด เนื่องจากการประกอบการของโรงงานจะต้องมีความเข้มงวดป้องกันผลกระทบในวงกว้างต่อประชาชน
นอกจากนี้ ขอให้หน่วยงานด้านสาธารณสุขออกคำแนะนำ ทั้งข้อปฏิบัติ วิธีการรักษากรณีเกิดอาการผิดปกติทางร่างกายขึ้น
ทั้งนี้ กรมควบคุมมลพิษรายงานในเบื้องต้นว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเหตุรั่วไหลของน้ำมันถ่ายเทความร้อน โดยเหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 06.15 น. ทางผู้ประกอบการได้แก้ไขแล้ว แต่กลิ่นยังส่งผลกระทบในวงกว้าง ซึ่งกรมควบคุมมลพิษได้ส่งข้อมูลเกี่ยวกับน้ำมันถ่ายเทความร้อนให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยสารเคมีที่เข้าพื้นที่รับทราบแล้ว หลังจากนี้จะมีการแจ้งผลการตรวจสอบให้ทราบต่อไป
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมตรี กล่าวว่า หน่วยงานต่างๆ ภาครัฐ ได้แก่ กรมควบคุมมลพิษ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบประเมินทิศทางการเคลื่อนตัวของสารเคมี กรมโรงงานอุตสาหกรรม นำรถโมบายวัดอากาศลงพื้นที่ เพื่อตรวจสอบและแก้ปัญหา ด้านเทศบาลตำบลขุนแก้ว อ.นครชัยศรี ได้ออกประกาศแจ้งเตือนประชาชน กรณีมีสารเคมีรั่วจากโรงงานในเขตเทศบาลตำบลขุนแก้วฯ ทำให้กลิ่นสารเคมีลอยมาปกคลุมรอบบริเวณ รวมถึงเขตศาลายา จึงแจ้งเตือนประชาชนทุกคนให้สวมแมสก์และงดกิจกรรมกลางแจ้งในช่วงเวลานี้ ในเบื้องต้นไม่พบผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต
จากการตรวจสอบของสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 5 จ.นครปฐม พบว่า สารเคมีที่รั่วไหลเป็นสารกลุ่มอะโรแมติกเบนซีน Diphenyl Oxide (ไดฟีนิล ออกไซด์) และ Biphenyl (ไบฟีนิล) ซึ่งสารเคมีดังกล่าวมีน้ำหนักเบา ลอยไปในอากาศได้ระยะไกล หากสูดดมเข้าไปในปริมาณมาก อาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ เวียนศีรษะ และส่งผลต่อทางเดินหายใจ ดังนั้นขอให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา หลีกเลี่ยงการออกนอกอาคาร และควรอยู่ในที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก หากพบความผิดปกติทางร่างกาย ควรพบแพทย์เพื่อประเมินอาการ
นอกจากนี้ รมว.ศึกษาธิการ ได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ตรวจสอบดูแลความปลอดภัยของนักเรียนที่อยู่พื้นที่ใกล้เคียงแล้ว โดยเบื้องต้นยังไม่พบเด็กนักเรียนที่ได้รับผลกระทบจากสารเคมีรั่วไหล ส่วนเรื่องการหยุดการเรียนการสอนเป็นอำนาจของผู้บริหารสถานศึกษา หากประเมินแล้วเห็นว่ามีความสุ่มเสี่ยงจะเกิดความไม่ปลอดภัยต่อนักเรียนก็ให้สามารถจัดการได้ทันที ขณะที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครปฐม และจังหวัดพื้นที่ใกล้เคียง โดยสาธารณสุขอำเภอ และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่สำรวจผลกระทบต่อสุขภาพที่เกิดกับประชาชน