นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี สั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณีหารือกับเอกอัครราชทูตเครือรัฐออสเตรเลียประจำประเทศไทย ในความร่วมมือรับมือโรคระบาดในอนุภูมิภาคแม่น้ำโขงและเอเปค อีกทั้งปัญหาการต่อต้านการค้ามนุษย์ โดยประเทศไทยจะจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ที่มีความคืบหน้าไปมาก
พล.อ.ประวิตร ได้มอบหมายกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงแรงงาน และหน่วยงานเกี่ยวข้อง เร่งผลักดันให้มีการลงนามการร่วมมือต่อต้านการค้ามนุษย์ร่วมกันกับออสเตรเลีย
นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร ยังสั่งการให้แก้ไขปัญหายาเสพติด การบำบัดรักษา การฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด ซึ่งผู้ป่วยยาเสพติดที่มีอาการทางจิต ซึ่งมีความเสี่ยงสูงต่อการก่อเหตุรุนแรงที่มีจำนวนมากขึ้น โดยให้มีการจัดตั้งศูนย์คัดกรองสถานพยาบาลยาเสพติด และสถานฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดแล้ว ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่มีผลบังคับใช้ เมื่อวันที่ 24 ส.ค. ที่ผ่านมา และขณะนี้กำลังดำเนินการฝึกอบรมผู้เกี่ยวข้อง
โดยสั่งการให้กระทรวงสาธารณสุข เร่งเสริมสร้างสถานพยาบาลยาเสพติดที่จัดตั้งไว้จำนวน 1,032 แห่ง และสถานฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดอีก 142 แห่งทั่วประเทศให้สามารถรองรับการบำบัดผู้ป่วยยาเสพติดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเสริมสร้างขีดความสามารถให้ทุกสถานพยาบาลยาเสพติด สามารถรักษาผู้ป่วยยาเสพติดที่มีอาการทางจิตให้เหมือนกับโรงพยาบาลจิตเวชที่มีอยู่เพียง 13 แห่ง รวมกับโรงพยาบาลธัญญารักษ์ที่มีเพียง 7 แห่งเท่านั้น ซึ่งยังไม่เพียงพอต่อการบำบัดรักษา
ขณะเดียวกัน ยังให้กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับสถานฟื้นฟูภาครัฐเร่งเสริมสร้างขีดความสามารถให้รองรับผู้ป่วยยาเสพติดเพิ่มเติมจากสถานพยาบาลยาเสพติด เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระให้สถานพยาบาลยาเสพติดที่มีอยู่จำนวนน้อย
นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร ยังสั่งการให้สนับสนุนการใช้โซลาร์รูฟท็อป เพื่อแบ่งเบาค่าไฟฟ้าในครัวเรือนให้ประชาชน โดยรัฐบาลมีแนวทางให้ทุกครัวเรือนสามารถติดตั้งเพื่อใช้งานเองในครัวเรือน และหากพลังงานเหลือใช้ในเวลากลางวันก็จะสามารถส่งพลังไฟฟ้าเข้าไปในระบบ เพื่อนำหน่วยไฟฟ้าไปหักลบกับหน่วยไฟฟ้าที่ซื้อจากการไฟฟ้าในเวลากลางคืน โดยให้การไฟฟ้าทำการหักลบกลบหน่วยในเดือนถัดไป เพื่อสนับสนุนทุกครัวเรือนที่ใช้ไฟฟ้าจากการไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค มีการติดตั้งระบบไฟฟ้าขึ้นเองเพื่อแบ่งเบาค่าไฟฟ้าที่ต้องจ่าย
ขณะเดียวกัน ยังเป็นการสร้างงานจากการติดตั้ง และลดภาวะการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดภาวะโลกร้อน ลดการพึ่งพาการนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศ ที่มีราคาผันผวนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่สามารถควบคุมได้
ทั้งนี้ ให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การไฟฟ้านครหลวง กระทรวงมหาดไทย รับไปพิจารณาดำเนินการ และให้กระทรวงพลังงานสนับสนุนเป็นไปตามนโยบายในข้อสั่งการนี้